DOD มั่นใจแนวโน้มปี 63 ดีขึ้นหลังออร์เดอร์พุ่งตั้งแต่ต้นปี-เก็บเกี่ยวผลลงทุนธุรกิจขายตรงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 2, 2020 14:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวสุวารินทร์ ก้อนทอง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) เปิดเผยว่า ภาพรวมของบริษัทในปี 63 มีแนวโน้มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น โดยจะเห็นได้จากยอดออเดอร์ผลิตสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากบริษัท อัลทิมา ไลฟ์ จำกัด (DOD ถือหุ้นอยู่ 80%) ซึ่งดำเนินธุรกิจในรูปแบบขายตรง ภายใต้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เน้นสารสกัดจากธรรมชาติทั้งหมด อาทิ One Whey (เวย์โปรตีน) , Levarean ( เลวารีน ), Prepo Fiber and Detox (เพรโป), Callox (แคลล็อกซ์), Zinegra (ซิเนกร้า) ,DOD H.Coffee (ดีโอดี เอช. คอฟฟี่) และ R3verse Vine (อาร์3เวิสวายน์)

ปีนี้ถือว่าเป็นปีทองแห่งการเก็บเกี่ยวของ อัลทิมา ไลฟ์ หลังจากในช่วงปี 62 บริษัทดังกล่าวได้มีการลงทุนทางการตลาดเพื่อการสร้างแบรนด์ดิ้ง (Branding) ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งจากวันนั้นถึงวันนี้ ต้องยอมรับว่า อัลทิมา ไลฟ์ เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยจะเห็นได้จากยอดสมาชิกในปัจจุบันอยู่ที่ 40,827 ราย และในปีนี้คาดว่าจะเพิ่มเป็น 120,000 ราย ขณะที่ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 600 ล้านบาท

ล่าสุด DOD มีออเดอร์ใหม่เข้ามาแล้วในไตรมาส 1/63 มูลค่ารวมกว่า 320 ล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/62 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 120 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ อัลทิมา ไลฟ์ 130 ล้านบาท และเป็นรายได้จาก บริษัท พีซีซีเอ แล็บบอราเทอรี่ จำกัด (PCCA) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ แบบครบวงจร ซึ่งเป็นการลงทุนผ่าน บริษัท ดีโอดี เฮ้ลท์ตี้ไลฟ์ จำกัด (DOD ถือหุ้นอยู่ 99.99%) ประมาณ 20 ล้านบาท

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยส่วนตัวมองว่าธุรกิจยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องและจะสามารถกลับมาสร้างความโดดเด่นได้อีกครั้ง เนื่องจากบริษัทฯจะรับรู้รายได้จากบริษัทย่อย ที่มีการลงทุนไปในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งจะสอดคล้องกับกลยุทธ์พัฒนาการให้บริการในรูปแบบ One Stop Service Solution ที่จะนำไป สู่การเป็นผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพ ทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและสกินแคร์ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร ในระดับภูมิภาคเอเชีย (Regional) และไปสู่ระดับโลก (Global) ในอนาคต

สำหรับผลประกอบการปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 797.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 124.38 ล้านบาท หรือ เติบโต 18.48% เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 673.12 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ผลิตเครื่องสำอาง และกลุ่มธุรกิจเครือข่าย ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ เพื่อต้องการให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนครอบคลุมทั้งในตลาดด้านสุขภาพและความงาม( Healthy & Beauty)

ขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิ 73.51 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 231.75 ล้านบาท หรือลดลง 75.92% และมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) เท่ากับ 51.89% เนื่องจากบริษัทฯมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของกลุ่มธุรกิจเครือข่าย โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายที่สอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น และสัดส่วนการขายสินค้า (Product Mix) รวมทั้งต้นทุนขายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว (One Time ) ในปี 62 เท่านั้น ดังนั้น ถ้าหากปรับรายการต้นทุนที่เกิดขึ้นครั้งเดียวออกจากต้นทุนขายส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปกติจะเพิ่มขึ้นจาก 51.89% มาเป็น 53.85%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ