TOP พุ่ง 9.09% โบรกฯมองราคาน่าสนใจมากหลังหุ้นร่วงไป 41% YTD สะท้อนข่าวร้ายไปแล้ว-เล็งมาร์จิ้นฟื้นใน H2/63

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 3, 2020 11:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น TOP ราคาพุ่ง 9.09% มาอยู่ที่ 45 บาท เพิ่มขึ้น 3.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 365.30 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.48 น. โดยเปิดตลาดที่ 43 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 45 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 43 บาท บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ไทยออยล์ (TOP) หลังราคาหุ้น TOP ปรับตัวลดลง 41% YTD เนื่องจากการได้รับประโยชน์จาก IMO2020 ยังคงล่าช้า ขณะที่การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทบความต้องการเชื้อเพลิงอย่างหนักและกดดันมาร์จิ้น จึงปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 55 บาท (P/B ปี 2563 ที่ 0.9 เท่า, -2.0SD) ปรับลดตัวคูณลงเพื่อสะท้อนมาร์จิ้นอ่อนตัวยืดเยื้อเนื่องจากการแพร่กระจายของโรคระบาดนอกประเทศจีนยังคงสร้างความกังวลต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นได้สะท้อนรับข่าวร้ายไปแล้ว จึงคาดมาร์จิ้นจะฟื้นตัวเป็นรูปตัว V ในครึ่งปีหลัง โดยราคาปัจจุบันถือว่าน่าสนใจมาก

ทั้งนี้ ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรหลักปี 63 เป็น 6.1 พันล้านบาทหรือกำไรต่อหุ้นที่ 3.02 บาท เนื่องจากค่าการกลั่นปี 63 อ่อนตัว (4.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับ 4.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล) และลดคาดการณ์กำไรของอะโรเมติกส์ โดยค่าการกลั่นของ TOP ยังคงถูกกดดันอยู่ที่ 2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยาน (33% และ 23% ของผลิตภัณฑ์) ลดลง 41% และ 45% เป็น 8.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 7.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

โดยปรับสมมติฐานส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันอากาศยานในปี 63 ลดลงจาก 17 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เหลือ 14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากการหยุดชะงักจากผลกระทบของโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาสำหรับครึ่งปีแรก อัตราการใช้กำลังการกลั่นของโรงกลั่นจะอยู่ที่ 110% แต่อะโรเมติกส์จะลดลงเหลือ 70% (เฉลี่ย 80%) เนื่องจากส่วนต่างราคา PX ยังคงอยู่ที่ 200 เหรียญสหรัฐ/ตัน

การระบาดของไวรัสส่งผลให้พรีเมี่ยมในตะวันออกกลาง (ME) และอัตราค่าระวางลดลง 1-2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากความต้องการน้ำมันดิบและการขนส่งที่ลดลง ความต้องการน้ำมันดิบของจีนในเดือน ก.พ. หายไปประมาณ 3-4 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งตะวันออกกลาง เป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่ที่สุด ขณะที่ Murban Crude Premium (25% ของผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบของ TOP) ปรับตัวลดลงจาก 4.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็น 2.5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปัจจัยบวกนี้น่าจะดำเนินต่อไปในปี 63

หากพิจารณาจากธรรมชาติของไข้หวัดใหญ่ (เป็นตามฤดูกาล) สะท้อนให้เห็นว่าการระบาดจะพุ่งสูงสุดในเดือนมี.ค. และจะยาวนานจนถึงพ.ค.(อากาศอบอุ่น) จึงคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาน้ำมันป็นรูปตัว V แม้ว่าความต้องการน้ำมันเบนซินที่ลดลงจะเป็นไปอย่างถาวร แต่ความต้องการน้ำมันดีเซลในครึ่งปีหลังจะสูงขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้สเปรดดีเซลขยายตัวแข็งแกร่ง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ