นายพงศ์ศิริ ศิริธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี จิสติกส์ (B) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 63 มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าผลประกอบการจะมีกำไรสุทธิ จากขาดทุนสุทธิ 28.59 ล้านบาทในปีก่อน เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างองค์กรภายในรวมทั้งการปรับโครงสร้างธุรกิจ ขณะที่บริษัทจะมุ่งเน้นให้บริการด้านธุรกิจโลจิสติกส์แบบมีสัญญาระยะยาวเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจแบบยั่งยืน และเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจหากผลกระทบจากปัจจัยลบเกิดขึ้นแบบฉับพลัน อย่างเช่นสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19
แม้การระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจโลจิสติกส์ แต่บริษัทก็มองวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยหาช่องทางเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจรองรับการฟื้นตัวด้านปริมาณการขนส่งได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ บริษัทคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณสินค้านำเข้าจากประเทศจีนมากขึ้นหลังสถานการณ์คลี่คลาย ซึ่งบริษัทก็ต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา โดยประเมินว่าการเติบโตทางธุรกิจการขนส่งระหว่างประเทศ จะมีการขยายตัวและรองรับการเติบโตของกลุ่มลูกค้าใหม่มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ภายใต้สถานการณ์ความกังวลต่อการระบาดของไวรัสโควิด–19 ทำให้ผู้บริโภคมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหันมาสั่งซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เพื่อไม่ต้องออกไปซื้อสินค้านอกบ้าน ส่งผลให้การขนส่งสินค้าภายในประเทศของบริษัทมีการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจากกลยุทธ์บริษัทที่ได้มุ่งเน้นธุรกิจทางด้านอีคอมเมิร์ซและกลุ่มลูกค้าดิจิทัลต่างๆ ทำให้แนวโน้มการให้บริการของบริษัท มีการขยายตัวและเติบโตสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีกับกิจการและผลประกอบการในระยะยาว
ผลการดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 4/62 บริษัทมีรายได้รวม 88.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.05% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 สิ้นสุด 30 ก.ย.62 ที่มีรายได้ 86.72 ล้านบาท สาเหตุที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/62 ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างทางธุรกิจของบริษัท โดยมีสัดส่วนรายได้จากการให้บริการธุรกิจท่าเรือ 88.07 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจขนส่งในประเทศจำนวน 161.31 ล้านบาท และรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ 131.42 ล้านบาท