นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก (EASTW) คาดว่ารายได้จากการขายและบริการปี 63 น่าจะใกล้เคียงกับระดับ 4.68 พันล้านบาทในปีที่แล้ว เนื่องจากปริมาณน้ำดิบจำหน่ายในปีนี้น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 313 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ขณะที่บริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่าน้ำในปีนี้
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกปีนี้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ขอความร่วมมือกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดคอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย และนิคมอุตสาหกรรมอาร์ไอแอล พื้นที่จังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ปรับลดการใช้น้ำ 10% เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ส่งผลมายังปริมาณการส่งจ่ายน้ำดิบของบริษัทลดลง
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ปริมาณการใช้น้ำดิบจะเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาเข้าซื้อบ่อเก็บน้ำ ขนาดความจุ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ภัยแล้ง
นายจิรายุทธ กล่าวอีกว่า การประชุมร่วมกับ กนอ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมชลประทาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในวันนี้ เพื่อหามาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เนื่องจากสถานการณ์ปีนี้ค่อนข้างท้าทายกว่าทุกปี หลังจากปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำต่ำกว่าปีก่อนมาก ดังนั้น จึงวางแผนดำเนินมาตรการรองรับ อาทิ การขอความร่วมมือทุกภาคส่วนลดการใช้น้ำลง 10% สำหรับบางพื้นที่สามารถปรับลดการใช้น้ำได้ตามเป้าหมายแล้ว ทั้งในส่วนโรงงานและครัวเรือนมากกว่า 14%
พร้อมทั้ง การจัดหาแหล่งน้ำเพิ่มเติมจากบ่อดินเอกชนเข้ามาเสริมในพื้นที่ชลบุรีและฉะเชิงเทรา โดยจะพยายามเร่งดำเนินการเพื่อซื้อแหล่งน้ำจากเอกชน รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพน้ำเพื่อให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน, การเตรียมความพร้อมระบบสูบน้ำ ,โครงการปรับปรุงสถานีสูบน้ำฉะเชิงเทรา (คลองเขื่อน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสูบน้ำจากแม่น้ำบางปะกง ปรับปรุงโดยใช้ทั้งเครื่องสูบน้ำขนาดเล็กและขนาดใหญ่ คาดว่าจะสามารถสูบได้เพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค.นี้
โครงการเชื่อมท่ออ่างเก็บน้ำประแสร์-อ่างเก็บน้ำคลองใหญ่ กับเชื่อมท่ออ่างเก็บน้ำประแสร์ -อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยในเดือน ม.ค.63 , โครงการเพิ่มปริมาณการจ่ายน้ำท่อหนองปลาไหล-หนองค้อ คาดว่าจะส่งจ่ายได้ในเดือนธ.ค.63 และโครงการสูบน้ำจากแม่น้ำระยองไปยังสระสำรองน้ำดิบทับมา คาดว่าพร้อมใช้งาน เดือนมิ.ย.63
สำหรับโครงการเพิ่มเติมที่ดำเนินการร่วมกับกรมชลประทาน ดังนี้ โครงการผันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแกด คลองวังโตนด ไปอ่างเก็บน้ำประแสร์ ในส่วนการสูบน้ำและการบำรุงรักษาระบบ ,โครงการผันน้ำจากคลองสะพาน ไปอ่างเก็บน้ำประแสร์ ในส่วนการก่อสร้างระบบท่อส่งน้ำ การติดตั้งระบบสูบจ่ายน้ำ การจัดหาเครื่องสูบน้ำ ค่าน้ำมันในการสูบน้ำสถานีสูบน้ำคลองสะพาน และบำรุงรักษาระบบ และโครงการผันน้ำจากละหารไร่ไปอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล ในส่วนการซ่อมแซมระบบสูบจ่ายน้ำ ค่าไฟฟ้าในการสูบน้ำ สถานีสูบน้ำวัดละหารไร่ และบำรุงรักษาระบบ
ด้านนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานกรรมการ กนอ.เปิดเผยว่า เบื้องต้น กนอ.ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมลดใช้น้ำลง 10% โดยจากการสำรวจปัจจุบันพบว่ามีปริมาณน้ำดิบสำรองอยู่ที่ 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะใช้ได้จนถึงเดือน มิ.ย.นี้ ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ EASTW และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาน้ำดิบเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ กนอ.ยังมีมาตรการนำน้ำมาผ่านการบำบัดโดยการรีไซเคิลด้วยระบบ Reverse Osmosis (RO) ซึ่งเป็นระบบบำบัดน้ำเสีย สารตกค้าง และเชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะได้ปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1.4-2 หมื่นลูกบาศก์เมตร/วัน