นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 6-10% โดยเป็นผลมาจากการขายสินค้าโดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ในชื่อ Mega we care ที่มีสัดส่วนรายได้จากไทย 30%, เวียดนาม 20%, เมียนมา 12%, มาเลเซีย 10% และอื่นๆ รวมทั้วแบรนด์ Maxxcare มีสัดส่วนรายได้จากเมียนมา 70%, เวียดนาม 20% และกัมพูชา 10%
สำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มองว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงาน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีสต็อกสินค้ารองรับการจำหน่ายแล้ว 6-8 เดือน ซึ่งยังไม่กระทบกระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค
ขณะที่มองว่าสินค้ายายังมีความจำเป็น โดยเฉพาะในส่วนโรงพยาบาล ซึ่งบริษัทมีผลิตภัณฑ์ยาในทุกรูปแบบที่รอขึ้นทะเบียนประมาณ 300 รายการ โดยในปีนี้จะออกสินค้าใหม่ประมาณ 10-15 ผลิตภัณฑ์ เป็นยาสามัญประจำบ้าน , ยาสมุนไพร , วิตามิน , ยาเพื่อสุขภาพ ฯลฯ
ในปีนี้บริษัทยังตั้งงบลงทุนไว้ราว 400 ล้านบาทใช้ลงทุนโรงงานที่บางปู ทั้งส่วนคลังสินค้าซึ่งเริ่มใช้งานได้แล้ว , ศูนย์วิจัยและพัฒนา(R&D) ยา คาดเริ่มดำเนินการได้ในเดือน มิ.ย.-ก.ค.นี้ และในส่วนของโรงงานผลิตจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาส 1/64
ขณะที่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบลงทุนไปแล้วราว 400 ล้านบาทในการลงทุนซื้อหุ้น 83.33% ในบริษัท PT Futamed Pharmaceuticals ประเทศอินโดนีเซีย เป็นมูลค่าลงทุน 414.481 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 66-67