บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดตัว 3 กองทุนซีรีส์ Absolute Return ลงทุนกองตราสารหนี้ ขาย IPO 10-16 มี.ค.ชูผลตอบแทน 1-15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 5, 2020 13:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า บริษัทเปิดตัว 3 กองทุนใหม่ในซีรีส์ SCBAM Absolute Return เน้นลงทุนในตราสารหนี้หลากหลายประเภททั้งภาครัฐและภาคเอกชน และอัตราแลกเปลี่ยนของผลตอบแทน ประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Largo (SCBLARGO) ระดับความเสี่ยงต่ำ มีเป้าหมายความผันผวนของผลตอบแทน 1-2%, กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Adagio (SCBADAGIO) ระดับความเสี่ยงปานกลาง มีเป้าหมายความผันผวนของผลตอบแทน 2-4% และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ MultiBonds (SCBMBOND) ระดับความเสี่ยงสูง มีเป้าหมายความผันผวนของผลตอบแทน 8-15% ด้วยมูลค่ากองทุนละ 3,000 ล้านบาท เปิดเสนอขายครั้งแรกในวันที่ 10-16 มี.ค.63 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท

ทั้ง 3 กองทุนเป็นกองทุนที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบซับซ้อน ซึ่งบริหารการลงทุนด้วยกลยุทธ์ Absolute Return มีเป้าหมายผลตอบแทนที่ชัดเจน มีความสัมพันธ์ต่อตลาดโดยรวมค่อนข้างต่ำ และต่างจากกลยุทธ์ทั่วไปที่มักสร้างผลตอบแทนและเปรียบเทียบตามดัชนีอ้างอิงหรือตลาดโดยรวม กองทุนจะทำการผสมผสานการซื้อหลักทรัพย์ที่คาดว่ามูลค่าจะปรับขึ้นในอนาคต (Long) และขายหลักทรัพย์ที่คาดว่ามูลค่าจะปรับลงในอนาคต (Short) เพื่อโอกาสในการทำกำไรโดยลงทุนทั้งโดยตรงในตราสารและผ่านตราสารอนุพันธ์เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน

โดยทั้ง 3 กองทุน มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) ได้แก่ H2O Largo ชนิดหน่วยลงทุน I/C (EUR) สกุลเงินยูโร, H2O Adagio ชนิดหน่วยลงทุน (EUR)-I (C) สกุลเงินยูโร และ H2O Multibonds ชนิดหน่วยลงทุน SREUR (C) สกุลเงินยูโร ตามลำดับกองทุนข้างต้น เฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน

ทั้งนี้ แต่ละกองทุนจะแบ่งสัดส่วนการลงทุนที่แตกต่างกันตามระดับความเสี่ยง ในเบื้องต้นสินทรัพย์ที่คาดว่าผู้จัดการจะลงทุน ประกอบด้วย ตราสารหนี้รัฐบาล หุ้นกู้เอกชน และอัตราแลกเปลี่ยน

สำหรับผู้จัดการกองทุนหลัก H2O Asset Management เป็นบริษัทลูกของ Natixis Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีทีมบริหารกองทุนที่เชี่ยวชาญการบริหารกลยุทธ์ Absolute return และมีประสบการณ์ทำงานร่วมกันยาวนานกว่า 15 ปี มีความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์แบบ Top Down และกลยุทธ์การลงทุน Unconstraint Relative Value รวมทั้งเป็นผู้นำด้านการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ และอัตราแลกเปลี่ยน โดยกองทุน H2O Largo มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 4.16% กองทุน H2O Adagio มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 7.09% และกองทุน H2O Multibonds มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 30.04% (ที่มา: ข้อมูลจาก H2O ณ วันที่ 31 ม.ค.63)

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความผันผวนค่อนข้างมาก โดยตั้งแต่ต้นปีอัตราผลตอบแทนของตลาดตราสารหนี้ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ตามปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจทั้งไทยและต่างประเทศที่มีแนวโน้มแย่ลงเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นความหวังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีนี้ชะลอตัวลงในทันที นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายในประเทศอย่างการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ที่ล่าช้า และการคาดการณ์ปัญหาภัยแล้งที่จะมีผลต่อภาคเกษตร ซึ่งส่งผลให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายเมื่อต้นเดือน ก.พ.63 ที่ผ่านมาจาก 1.25% เป็น 1%

"คณะกรรมการนโยบายการเงินอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 1 ครั้งในการประชุมครั้งถัดไป เนื่องจากปัจจัยกดดันเศรษฐกิจจาก Covid-19 ดูมีผลวงกว้างมากขึ้นและอาจจะจบช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้ ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดมีโอกาสลดลงได้อีก และทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไปอีก 1-2 ไตรมาส อย่างไรก็ดี การลงทุนด้วยกลยุทธ์ Absolute Return ในสภาวะเช่นนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุน เพราะกลยุทธ์นี้มีเป้าหมายสร้างผลตอบแทนเป็นบวกในทุกสภาวะตลาดเหมาะสมกับสถานการณ์ อีกทั้งยังมีให้เลือกได้ถึง 3 ระดับตามความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนรับได้" นายณรงค์ศักดิ์กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ