(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามตลาดตปท.หลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ยุโรปมากขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 6, 2020 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างติดลบกันราว -0.5 ถึง -2.4% ซึ่งตลาดหุ้นญี่ปุ่นติดลบมากสุด -2.4% จากเศรษฐกิจที่แย่ และยังมีเรื่องความกังวลเรื่องการจัดการแข่งขันโอลิมปิกด้วย ที่ยังไม่รู้ผลจะออกมาเป็นอย่างไร หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เช่นเดียวกับดาวโจนส์ที่ติดลบกว่า 3% เมื่อคืนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นคนกลัวมากขึ้น

เนื่องจากขณะนี้การแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ไปทางยุโรปมากขึ้น และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นในสหรัฐฯด้วย ทำให้มี Panic อย่างพวกท่องเที่ยวจะได้รับผลกระทบ รวมถึงสายการบินด้วย ส่วนกลุ่มแบงก์ก็ปรับตัวลงจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย, อุตสาหกรรมการผลิตไม่ได้ผลิตก็ปรับตัวลง ซึ่งทางยุโรป และสหรัฐฯ กำลังจะโดนผลกระทบเหมือนอย่างเอเชีย ขณะที่ทางฝั่งเอเชียไม่ค่อยมีนัยยะ หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในจีนค่อย ๆ ดีขึ้น

ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ที่หลายประเทศออกมาก็เป็นแค่การบรรเทาผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เท่านั้น ตราบใดที่ยังไม่มีวัคซีนหรือยามารักษาก็ยังวางใจไม่ได้เลย

พร้อมให้แนวรับ 1,380-1,366 จุด ส่วนแนวต้าน 1,400-1,410 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (5 มี.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,121.28 จุด ลดลง 969.58 จุด (-3.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,023.94 จุด ลดลง 106.18 จุด (-3.39%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,738.59 จุด ลดลง 279.49 จุด (-3.10%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 319.32 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 32.17 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 4.19 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 43.46 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 19.04 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 370.09 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 31.74 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 13.63 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (5 มี.ค.63) 1,390.83 จุด เพิ่มขึ้น 12.22 จุด (+0.89%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,280.51 ล้านบาท เมื่อวันที่ 5 มี.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (5 มี.ค.63) ปิดที่ 45.90 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 88 เซนต์ หรือ 1.9%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (5 มี.ค.) อยู่ที่ 1.40 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.55 แนวโน้มอ่อนค่า กังวลโควิด-19 ระบาดรุนแรง มองกรอบวันนี้ 31.50-31.65
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย หั่น "จีดีพี" ไทยปีนี้โตแค่ 0.5% ต่ำสุดรอบ 11 ปี ห่วงสถานการณ์ "โควิด-19" ลากยาวถึงครึ่งปีหลัง ดึง "จีดีพี" ทั้งปี "ติดลบ" พร้อมประเมินครึ่งปีแรก เศรษฐกิจไทยจ่อเข้าสู่ภาวะถดถอย ก่อนฟื้นตัวช่วงท้ายปี ประเมินภาคท่องเที่ยวอาจสูญถึง 4.1 แสนล้านบาท ด้านนักเศรษฐศาสตร์ จี้ประสานนโยบายการเงิน-การคลัง เข้าช่วยฟื้นเศรษฐกิจเหตุเครื่องยนต์หลักทรุดหมด
  • "พาณิชย์" เผยเงินเฟ้อเดือน ก.พ.63 เพิ่มขึ้นในอัตราชะลอตัวลงเหลือ 0.74% เหตุราคาหมวดอาหารสดเพิ่มสูงขึ้นจากภัยแล้ง แต่ได้แรงฉุดจากน้ำมันลดมาช่วยดึง ยันไวรัสโควิด-19 ไม่มีผลกระทบ ไม่ต้องกักตุนอาหาร
  • นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มั่นใจว่าการเสนอชุดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 1 วงเงินหลายแสนล้านบาทให้ ครม. เศรษฐกิจพิจารณาวันที่ 6 มี.ค. 63 จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ และลดผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดได้ โดยจะมีการเสนอมาตรการไปเป็น 10 ด้าน และมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการดูแลเศรษฐกิจและขอให้มั่นใจว่ารัฐเอาอยู่
  • นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อยู่ระหว่างพิจารณาการจัดงานเทศกาลมหาสงกรานต์ประจำปี 63 ว่า จะสามารถจัดงานใหญ่ขึ้นได้หรือไม่ โดยขอประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องไปก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็มีความพร้อมจัดงานขึ้นในบางพื้นที่โดยหากสามารถจัดงานขึ้นมาได้ ก็อาจลดขนาดลงมาเป็นงานส่งเสริมวัฒนธรรม และมีการรดน้ำดำหัวตามประเพณี โดยที่ไม่ได้จัดให้มีขนาดใหญ่เหมือนปีก่อนๆ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BCPG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 20 บาท โรงไฟฟ้าลมในลาว 600 MW ได้สัมปทานแล้ว 25 ปี รอเซ็น PPA ปลายปีนี้ คาดเริ่มจ่ายไฟปี 2566 บริษัทคาดถือหุ้น 45% ช่วยปลดล็อกความกังวลเรื่อง adder ของโครงการในไทยที่จะทยอยหมดลงในปี 2564-67 พร้อมมีแผนลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว 114 MW, โรงไฟฟ้าโซลาร์ในญี่ปุ่นกว่า 100 MW, โรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพในอินโดฯ 24 MW เพื่อดัน EBITDA ให้เพิ่มขึ้นเท่าตัวใน 5 ปีข้างหน้า ด้วยงบ 4.5 หมื่นล้านบาทใน 5 ปี โดยจะดูแลให้ D/E ไม่เกิน 3 เท่า
  • CHG (เคจีไอ) "ซื้อ"เป้า 3.10 บาท คาดว่ารายได้ของ CHG ในปีนี้จะโตต่อเนื่องจากที่โต 17.2% ในปี 2562 โดยปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของรายได้ปีนี้จะมาจากค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เป็นต้นไป หากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติลดลงไป 32% จะส่งผลกระทบกับรายได้และกำไรสุทธิของ CHG ในปี 2563 เพียงแค่ 1% และ 1.2% เท่านั้น โดยยังคงมองบวกกับแนวโน้มของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ปราจีนบุรี และโรงพยาบาลรวมแพทย์ฉะเชิงเทรา (RPC) หลังจากที่เปิดดำเนินการมาได้ปีกว่า ๆ โดยคาดว่าโรงพยาบาลทั้งสองแห่งจะถึงจุดคุ้มทุนใน H1/63
  • CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 88 บาท เข้าสู่ Stage ของการกระตุ้นการลงทุนและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ วันนี้คาดที่ประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจเสนอมาตรการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และมาตรการบรรเทาผลกระทบให้กับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19 ส่งผลดีต่อ Sentiment การลงทุนของหุ้นที่เกี่ยวข้อง อาทิ ค้าปลีก เลือก CPALL เป็น Top pick ของกลุ่มค้าปลีก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ