นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือทอท. เปิดเผยว่า จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก ทอท.ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งของประเทศ ได้เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารระหว่างประเทศขาเข้าให้เข้มงวดมากขึ้นตามาข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ได้เพิ่มมาตรการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศทุกเที่ยวบินอย่างเข้มงวด โดยติดตั้งเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยระบบอินฟราเรด (Thermoscan) จำนวน 2 จุด ณ บริเวณแนวทางเดินด้านทิศเหนือ ใกล้กับอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 2 (Pier 2) และบริเวณแนวทางเดินด้านทิศใต้ ใกล้กับอาคารเทียบเครื่องบินหมายเลข 3 (Pier 3)
อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคาร 1 ในส่วนของท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย (ทชร.) ได้จัดหลุมจอดเฉพาะสำหรับเที่ยวบินที่มาจากต่างประเทศทุกเที่ยวบิน พร้อมติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสาร โดยที่ ทหญ.ได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกนบริเวณพื้นที่หน้าด่านควบคุมโรค ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ และ ทชร.ติดตั้งบริเวณหน้าพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้า
ขณะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) และท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) นอกจากได้เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าอย่างเข้มงวดแล้ว ยังได้เพิ่มมาตรการตรวจคัดกรองเฝ้าระวังผู้โดยสารขาออกที่จะเดินทางออกจากประเทศไทย เพื่อให้ผู้โดยสารมั่นใจว่าผู้ที่ร่วมเดินทางทุกคนได้ถูกตรวจคัดกรองสุขภาพมาแล้วระดับหนึ่ง
โดยที่ ทสภ.มีการติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่จากด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ เจ้าหน้าที่จากกรมควบคุมโรค และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการร่วมประจำจุดคัดกรอง 4 จุด ได้แก่ (1) จุดตรวจค้นร่างกายและสัมภาระผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ โซน 3 (2) จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกโซน 3 ช่องทาง Fast track (หลังเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร Row T) (3) จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกโซน 2 ช่องทาง Fast track (หลังเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร Row W) และ (4) จุดตรวจหนังสือเดินทางขาออกโซน 1 (หลังเคาน์เตอร์ตรวจบัตรโดยสาร Row A)
ส่วนที่ ทภก.ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน ณ บริเวณหน้าจุดตรวจลงตราหนังสือเดินทางผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 3 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และจัดเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องวัดอุณหภูมิหน้าผากและทางหู บริเวณหน้าจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และที่ ทชม.ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน ณ บริเวณด้านหลังจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ
สำหรับกรณีของแรงงานชาวไทยในสาธารณรัฐเกาหลีที่ประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทย นั้น เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการเกี่ยวกับมาตรการเร่งด่วนสำหรับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้มีขั้นตอนการเตรียมการรองรับผู้โดยสารที่เดินทางมาจากสาธารณรัฐเกาหลี โดย ทอท.จะปฏิบัติตามขั้นตอนการคัดกรองผู้โดยสารเช่นเดียวกับกรณีเที่ยวบินที่มาจากประเทศกลุ่มเสี่ยง คือ มีการจัดให้ผู้โดยสารขาเข้าผ่านการคัดกรองจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ณ ด่านควบคุมโรคในบริเวณจุดตัดอาคารเทียบเครื่องบิน D และบริเวณด่านตรวจคนเข้าเมือง
นอกจากนี้เพื่อเป็นการคัดกรองอย่างเข้มข้น จะมีการคัดกรองอุณหภูมิเพิ่มเติมให้กับผู้โดยสารบริเวณหน้า Gate หากพบผู้เข้าข่ายต้องสงสัยติดโรคจะดำเนินการตามกระบวนการของกรมควบคุมโรค และในส่วนของผู้ที่ไม่เข้าข่ายจะดำเนินการตามกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองต่อไป โดยกรมการขนส่งทางบก และบริษัท ขนส่ง จำกัด จะจัดรถส่งผู้โดยสารไปยัง local quarantine และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือผู้นำชุมชนจะเป็นผู้ที่จะคอยติดตามให้อยู่ภายในที่พัก 14 วัน
นอกจากการตรวจคัดกรองผู้โดยสารแล้ว ท่าอากาศยานของ ทอท.ทั้ง 6 แห่งยังได้เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดอุปกรณ์และพื้นที่ที่ผู้โดยสารสัมผัสแบบ Deep Clean อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโควิด-19 ตามมาตรฐานจากการศึกษาของสำนักงานป้องกันควบคุมโรคติดเชื้อ สถาบันบำราศนราดูร สังกัดกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาทำความสะอาด อาทิ รถเข็นกระเป๋า ห้องน้ำ ราวจับ ราวบันได จุดกรอกเอกสาร ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ขาเข้า บริเวณเคาน์เตอร์เช็คอิน เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ บริเวณเครื่องออกบัตร Taxi Kiosk รวมถึงได้ติดตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือสำหรับฆ่าเชื้อโรคแก่ผู้โดยสารตามจุดต่าง ๆ
ตลอดจนได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถเช่า รถลีมูซีน รถแท็กซี่ ให้หมั่นทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ผู้มาใช้บริการ และเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส นอกจากนี้ ที่ ทชม.ได้ออกมาตรการคัดกรอง เฝ้าระวังและติดตามค้นหากลุ่มเสี่ยงในกลุ่มพนักงานลูกจ้าง และพนักงานบริษัทจัดจ้างภายนอก ทุกคน และทุกวัน เพื่อเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการระบาดเป็นระยะที่ 3 หรือ super spreader แก่คนหมู่มากในจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย
นายนิตินัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ทุกท่าอากาศยานของ ทอท.ยังได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (Emergency Operation Center : EOC) ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในท่าอากาศยาน เช่น ตม. ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ศุลกากร ตามสั่งการกระทรวงคมนาคม โดยจะมีการประชุมร่วมกันทุกวัน เพื่อประสานงาน และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และใช้ประโยชน์จากระบบตรวจสอบและคัดกรองผู้โดยสารล่วงหน้า (Advance Passenger Processing System : APPS)
ทอท.และ ตม.ได้ติดตั้งและใช้งานมาตั้งแต่ปี 2558 มาช่วยในการคัดกรองให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบ APPS จะมีการส่งรายชื่อผู้โดยสารพร้อมข้อมูลการเดินทางระหว่างประเทศทั้งขาเข้า ขาออก และผู้โดยสารเปลี่ยนผ่านลำ (Transit / Transfer) มายังระบบฐานข้อมูลของ ตม. จึงขอให้ประชาชนมั่นใจว่าทุกหน่วยงานได้ดำเนินการอย่างเข้มงวดครบถ้วน และเต็มความสามารถตามขั้นตอนและมาตรฐาน เพื่อร่วมกันป้องกันมิให้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม