โบรกฯเชียร์"ซื้อ"MTC มองผลงานปีนี้เติบโตจากศก.ชะลอตัวหนุนดีมานด์สินเชื่อเพิ่ม-ต้นทุนการเงินลดตามดอกเบี้ยขาลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 6, 2020 16:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) มองทิศทางผลประกอบการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวหนุนให้มีความต้องการด้านสินเชื่อ โดยคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 20-25% ตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อ และจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น ส่งผล ณ สิ้นปี 63 จะมีจำนวนสาขารวม 4,700 สาขา รวมถึงต้นทุนทางการเงินมีโอกาสปรับลดลง จากคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีแนวโน้มจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกในปีนี้ และอันดับเครดิตที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงการออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ดอกเบี้ยสูง

ทั้งนี้ ได้ประเมินผลกระทบมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ต่อ MTC มีจำกัด เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการตัดหนี้สูญ (Write off) ขณะที่คาดค่าใช้จ่ายสำรองจะสูงขึ้นเล็กน้อย จากการจัดชั้นลูกหนี้ใหม่ ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะกระทบฐานลูกค้าราว 10%

ช่วงบ่ายราคาหุ้น MTC อยู่ที่ 60 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 1.64% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 1.92%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เอเชีย เวลท์                     ซื้อ                       73.00
          เคทีบี (ประเทศไทย)               ซื้อ                       75.00
          ดีบีเอส วิคเคอร์ส                  ซื้อ                       78.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์                 ซื้อ                       71.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)             ทยอยซื้อ                     65.50
          ซีจีเอส ซีไอเอ็มบีฯ                 ถือ                       66.00

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการของ MTC ในปีนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบันหนุนความต้องการด้านสินเชื่อ โดยคาดว่ารายได้จะเติบโต 20-25%

พร้อมกันนี้ ยังมองว่าจะได้รับปัจจัยหนุนจากต้นทุนทางการเงินที่มีโอกาสลดลง หลังจากหลายฝ่ายคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้

"ความเสี่ยงของ MTC คือเรื่องของหนี้เสีย แต่ปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่สูงนักเพียง 1-2% เท่านั้น รวมไปถึงเรื่องของค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการบริหารสาขา และเปิดสาขาใหม่ที่ค่อนข้างสูง ทำให้เรามีการปรับราคาเหมาะสมลงมาบ้าง แต่อย่างไรก็ตามราคาที่ปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก เราจึงยังแนะนำเป็นช่วงเหมาะสมที่จะเข้าซื้อเพื่อลงทุนได้"นายมงคล กล่าว

ด้านบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับคำแนะนำเป็น"ซื้อลงทุน"จากเดิม"ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"หลังจากประกาศงบการเงินปี 62 มีกำไรดีต่อเนื่อง แต่จากราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นจนใกล้เต็มมูลค่า จึงเริ่มมีแรงเทขายทำกำไรหุ้น MTC ออกมาต่อเนื่อง จนทำให้ราคาหุ้นตกลงมามาก และเริ่มมี upside ราว 17% ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าสนใจลงทุนแล้ว ประกอบกับ MTC ถือเป็นหุ้น growth stock ที่มีความสามารถในการทำกำไรสูง ROE ระดับ 30%

ทั้งนี้ MTC ตั้งเป้าปี 63 สินเชื่อโตจะเติบโต 20-25% และจะมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวดีขึ้น จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง และอันดับเครดิตที่ปรับตัวดีขึ้นเป็น BBB+ รวมถึงการออกหุ้นกู้ใหม่ทดแทนหุ้นกู้เดิมที่ดอกเบี้ยสูง อย่างไรก็ตามสินเชื่อในช่วงเดือน ม.ค. นี้ ชะลอตัวลงจากเดือน ธ.ค.62 ซึ่งเป็นไปตามช่วงฤดูกาล ส่วนภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นมองว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรเสมอ ขณะที่สถานการณ์การการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คาดกระทบฐานลูกค้าราว 10%

นอกจากนี้ MTC ยังคงเร่งเปิดสาขาเพิ่มอีก 600 สาขาในปีนี้ รวมไปถึงการเร่งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้มีการเปิดตัวสินเชื่อเช่าซื้อมอเตอร์ไซด์ใหม่ให้กับลูกค้าเดิมที่มีประวัติผ่อนชำระดี

ด้านบทวิเคราะห์ บล.เอเชีย เวลท์ ระบุว่า MTC ยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ 20-25% โดยใช้กลยุทธ์การขยายสาขาที่ 600 สาขา ส่งผล ณ สิ้นปี 63 จะมีจำนวนสาขารวม 4,700 สาขา แต่มีอัตราเร่งลดลง เนื่องจากสาขาของ MTC ปัจจุบันครอบคลุมทั่วประเทศไทย ทั้งในระดับจังหวัด และระดับอำเภอ ทำให้กลยุทธ์การขยายสาขาในปีนี้จะมุ่งเน้นไปเปิดในลักษณะสาขาย่อยระดับตำบล หรือชุมชนใหญ่ ๆ แทน ซึ่งจะทำให้เงินลงทุนสำหรับปี 63 ลดต่ำลง

ส่วนด้านค่าใช้จ่าย คาดว่าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost-to-Income ratio) จะยังทรงตัวในระดับสูงที่ 48.0% เป็นผลจากจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้น ตามการขยายสาขา ในสภาพเศรษฐกิจอ่อนแอ MTC ยังคงควบคุมการปล่อยสินเชื่อใหม่ และติดตามหนี้อย่างเคร่งครัด โดยคาดอัตราส่วนหนี้ด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ใกล้เคียงเดิมที่ 1.0%

พร้อมทั้งประเมินผลกระทบมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS9 ต่อ MTC มีจำกัด เนื่องจากไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายการตัดหนี้สูญ (Write off) ขณะที่คาดค่าใช้จ่ายสำรองจะสูงขึ้นเล็กน้อย จากการจัดชั้นลูกหนี้ใหม่

ขณะที่ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 63-64 ของ MTC ลงราว 5% จากการปรับลดเป้าหมายสินเชื่อเติบโตเหลือ 20.5% ในปี 63 และ 17% ในปี 64 จากเดิมคาดเติบโตปีละ 25% จากสภาพเศรษฐกิจซบเซา และการขยายสาขาที่ชะลอตัวลง และปรับลดอัตราการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับสินเชื่อลงเล็กน้อย ตามสมมติฐานสินเชื่อ อย่างไรก็ตามเป้าหมายกำไรสุทธิในปีนี้ ยังคงเตืบโต 24.6% จากปีที่แล้วตามแผนกลยุทธ์การขยายสินเชื่อและสาขา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ