นางจินตณา กิ่งแก้ว รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP) เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ในช่วงไตรมาส 1/63 คาดว่าจะดีกว่าไตรมาส 4/62 เนื่องจากในช่วงต้นปีถึงปัจจุบันระดับราคาขายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) หรือก๊าซหุงต้ม เพิ่มขึ้นมาจากสิ้นปีก่อน 40-50 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน มาอยู่ที่ 519.17 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน จากสิ้นปีก่อนที่ 438.13 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีผลกระทบต่อปริมาณขายของบริษัทบ้างเล็กน้อยในช่วงไตรมาส 1/63 หลังจากที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวชะลอตัว ทำให้ปริมาณขายกลุ่มลูกค้าขนส่งและโรงแรมชะลอตัวลง แต่ความต้องการใช้ก๊าซหุงต้มในกลุ่มครัวเรือนยังมีการเติบโตอยู่ เพราะประชาชนหันไปทำอาหารที่บ้านมากขึ้น ช่วยชดเชยปริมาณขายที่ลดลงไปจากลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้บ้าง
ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะทำได้ตามเป้าหมายที่เติบโต 6% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งในส่วนของปริมาณการขายก๊าซฯตั้งเป้าอยู่ที่ 4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีปริมาณการขายอยู่ที่ 3.835 ล้านตัน สัดส่วนการขาย แบ่งเป็น การขายในต่างประเทศ 70% การขายในประเทศ 30%
ในปีนี้บริษัทจะมีการลงทุนก่อสร้างคลังเก็บก๊าซฯในอินโดนีเซีย 3,000-5,000 ตัน ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรในสัดส่วน 50:50 เงินลงทุนรวม 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยบริษัทจะใช้เงินลงทุนในส่วนที่ถือหุ้นราว 7-8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อีกทั้งในปีนี้จะเปิดคลังก๊าซฯใหม่ในเมืองปีนังของมาเลเซียที่สร้างเสร็จในปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังมองการลงทุนใหม่ ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาการเข้าไปซื้อกิจการธุรกิจก๊าซฯในประเทศเมียนมา โดยอยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งยังไม่สามารถบอกระยะเวลาที่ได้เห็นความชัดเจนของดีลการซื้อกิจการในขณะนี้
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนขยายสถานีบริการก๊าซ LPG ที่เป็นรูปแบบผสมระหว่างบริการเติมน้ำมันและก๊าซ LPG โดยปัจจุบันเปิดไปแล้ว 5 แห่ง และจะเปิดเพิ่มอีกในปีนี้ 1 แห่ง จากปัจจุบันบริษัทมีสถานีบริการเติมก๊าซ LPG ทั้งหมด 43 แห่ง