นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทยังมีการเข้าประมูลหนี้ที่ไม่มีหลักประกันจากธนาคารพาณิชย์ (Bank) และสถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (Non-Bank) ซึ่งในช่วงไตรมาส 2/63 บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปราว 3 รายการที่จะเข้ามาเสริมในพอร์ต หลังจากช่วงต้นปีที่ผ่านมาได้เข้าซื้อมูลหนี้มาบริหารแล้ว 2.9 พันล้านบาท จากสิ้นปี 62 บริษัทมีพอร์ตหนี้รวม 1.74 แสนล้านบาท
บริษัทตั้งงบลงทุนซื้อมูลหนี้ในปีนี้ 4.5 พันล้านบาท โดยมองว่าการขายหนี้เสียจากธุรกิจธนาคารพาณิชย์ และ Non-Bank ในปีนี้จะมีการประมูลขายหนี้ออกมาเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวต่อเนื่องและยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน ทำให้แนวโน้มของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคารพาณิชย์ และ Non-Bank เพิ่มขึ้นตาม และจะขายหนี้ออกมามากขึ้น ซึ่งบริษัทได้เตรียมความพร้อมขยายเงินลงทุนได้สูงสุดถึงราว 6 พันล้านบาท
นอกจากนี้ ในแง่ของส่วนต่างกำไรจากการซื้อหนี้เข้ามาบริหารในปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่าระดับปกติที่ 10-12% จากแนวโน้มของตลาดที่จะมีการนำหนี้ออกมาประมูลเพิ่มขึ้นในปีนี้ ขณะที่การจัดเก็บหนี้ของบริษัทยังไม่รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มากนัก แม้ว่าลูกค้าบางรายจะจ่ายหนี้ช้ากว่ากำหนด แต่มองว่าหลังสถานการณ์คลี่คลายลูกค้าจะเริ่มกลับมาจ่ายชำระคืนหนี้ตามปกติ
ส่วนธุรกิจประกันของบริษัท คาดว่าจะเริ่มฟื้นกลับมาคุ้มทุนได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ หลังจากที่มีผลขาดทุนมาอย่างต่อเนื่องฉุดภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งในไตรมาส 4/62 ธุรกิจประกันมีผลขาดทุน 30 ล้านบาท และบริษัทได้ปรับกลยุทธ์ในการขายประกันลดลง เพื่อลดการเคลมประกันให้ลดลง ทำให้ลดค่าใช้จ่ายของธุรกิจประกันลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหากธุรกิจประกันสามารถฟื้นกลับมาคุ้มทุนได้จะส่งผลช่วยให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก และทำให้กำไรของบริษัทเติบโตได้ 30% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้