ITEL ตั้งเป้ารายได้ปี 63 กว่า 2.4 พันลบ.หลังตุน Backlog ราว 4 พันลบ.,เล็งเข้าประมูลงานใหม่กว่า 6.5 พันลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 10, 2020 13:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการผู้จัดการ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 จะไม่ต่ำกว่า 2,400 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) ราว4,124 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะมีงานใหม่เพิ่มเข้ามาประมาณ 1,400 ล้านบาท จากการมุ่งรับงานภาครัฐมากขึ้นสอดรับกับภาครัฐจะเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะเซ็นสัญญางานใหม่ 200 ล้านบาท รวมถึงจะมีลูกค้ารายเดิมที่จะเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 200 ล้านบาท

ในปีนี้บริษัทจะเน้นกลยุทธ์รับงานลูกค้าภาครัฐ จากการที่ พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ผ่านการพิจารณาและจะเร่งการลงทุน ประกอบกับเข้ารับงานติดตั้งโครงข่ายให้กับผู้ประกอบการค่ายโทรศัพท์มือถือในการพัฒนา 5G ด้วยการเข้าถึงผู้รับเหมาหลัก ในขณะเดียวกันจะเพิ่มสัดส่วนรายได้ประจำมากขึ้น เพราะในปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้ USO 1และ2 รวมกัน 300 ล้านบาท โดยโครงการ USO 1 จะรับรู้รายได้แบบเต็มปีในปีนี้เป็นปีแรก 148 ล้านบาท ขณะที่ USO 2 คาดว่าในไตรมาส 2/63 จะทำการติดตั้งแล้วเสร็จ และจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท โดยหากจะรับรู้แบบเต็มปีจะมีรายได้อยู่ที่ 480 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะเข้าร่วมประมูลงานใหม่ไม่ต่ำกว่า 6.5 พันล้านบาท โดยจะร่วมกับพันธมิตรในตลาดหลักทรัพย์ 2 ราย เพื่อเข้าประมูลโครงการ TELEHEALTH มูลค่าโครงการรวมกว่า 4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้กับประชาชน คาดว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนในไตรมาส 3/63 และจะเข้าประมูลโครงการให้บริการด้าน Smart Security เป็นโซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภันสำหรับองค์กรและธุรกิจ มูลค่า 2.5 พันล้านบาท

นายณัฐนัย กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทวางเป้าหมายระยะยาว 5 ปี (63-67) รายได้จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 20-30% โดยมุ่งเน้นสร้างฐานรากให้มีความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการให้บริการและคำปรึกษาให้กับลูกค้า รวมถึงขยายพื้นที่ให้บริการเพื่อตอบสนองปริมาณความต้องการของลูกค้า

พร้อมกันนี้ บริษัทมีแผนจะย้ายเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในปี 64 ซึ่งจะมองถึงความเหมาะสมของภาวะตลาดด้วย โดยมองว่าบริษัทมีอัตราการเติบโตจนเป็นบริษัทขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่ และการอยู่ในตลาด mai จึงอาจจะเป็นข้อจำกัดของการลงทุนจากกองทุนทั้งในไทย และต่างประเทศ ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผนจะโรดโชว์ข้อมูลให้กับนักลงทุนที่ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเลเซีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ