นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. ขานรับมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) การจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ โดยจะออกประกาศที่เกี่ยวข้องภายในวันที่ 16 มี.ค.63 และยกเว้นค่าธรรมเนียมจัดตั้งและจดทะเบียนกองทุนดังกล่าวให้กับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซึ่งจะพิจารณาอนุมัติการจัดตั้งกองทุน SSF แบบอัตโนมัติ (auto-approval) คาดว่าจะจัดตั้งกองทุนและเสนอขายได้ทันวันที่ 1 เม.ย.63
ทั้งนี้ ครม.วานนี้มีมติเห็นชอบมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในระบบตลาดทุนให้ประชาชนทั่วไปหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF ที่มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิได้ตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยแยกจากวงเงินหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน SSF กรณีปกติ และไม่อยู่ภายใต้เพดานวงเงินหักลดหย่อนรวมในกองทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด โดยต้องซื้อระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-30 มิ.ย.63 และถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 10 ปี ทั้งนี้ เงื่อนไขอื่น ๆ ให้เป็นไปตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร
นางสาวรื่นวดี ยังกล่าวอีกว่า ส่วนแนวทางการส่งเสริมการลงทุนระยะยาวในตลาดทุนไทย ก.ล.ต.ได้กำหนดยุทธศาสตร์การส่งเสริมการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างยั่งยืน โดยผลักดันให้ตลาดทุนไทยเป็นศูนย์กลางในการออกหลักทรัพย์ โดยเฉพาะตราสารหนี้สีเขียว (Green Bond) ซึ่งที่ผ่านมาก็พบว่ามีความต้องการอย่างมากในกลุ่มนักลงทุนประเภทกองทุนระหว่างประเทศ โดย ก.ล.ต.จะมีการออกหลักเกณฑ์ในไตรมาส 2/63 หลังจากนั้นจะประกาศบน Luxembourg Green Exchange (LGX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มข้อมูลตราสารยั่งยืนที่ตลาดหลักทรัพย์ลักเซมเบิร์กเพื่อเผยแพร่ต่อนักลงทุนสถาบันให้เป็นที่รู้จักต่อไป
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาในประเทศไทยมีบริษัทออกตราสารหนี้สีเขียวไปแล้วจำนวน 6 ราย คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 40,000 ล้านบาท และยังอยู่ในกำหนดการอีกจำนวนหลายราย โดยส่วนใหญ่เป็นตราสารของรัฐวิสาหกิจ