ฝ่ายวิจัย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยผลสรุปเรื่อง"หุ้นปันผล ทางเลือกลงทุนในภาวะดอกเบี้ยต่ำ"ว่าปัจจุบันทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (Government yield curve) อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับระดับราคาสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น ผู้มีเงินออมอาจต้องพิจารณาทางเลือกในการออมและการลงทุนให้หลากหลายขึ้น ซึ่งการลงทุนในหุ้นปันผลก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการออมเพื่อการลงทุนระยะยาว ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายประการ
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินเงินฝาก 12 เดือนของสถาบันการเงินในประเทศ อยู่ที่ระดับ 0.25-1.85% และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล 5 ปี อยู่ที่ในระดับ 0.88% ซึ่งต่ำมากเมื่อเทียบกับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในระดับ 0.8% อีกทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีแนวโน้มลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.)
อีกทั้ง ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.63 เป็นต้นไป สถาบันคุ้มครองเงินฝากจะคุ้มครองเงินฝากสูงสุด 1 ล้านบาท ต่อ 1 รายผู้ฝากเงิน ต่อ 1 สถาบันการเงินเท่านั้น ดังนั้น ผู้มีเงินออมจำเป็นต้องให้ความสนใจในการบริหารจำนวนเงินต่อบัญชีต่อสถาบันการเงินมากยิ่งขึ้น
จากบทวิจัย ระบุว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (53-62) พบว่า บริษัทจดทะเบียนไทยจ่ายเงินปันผลให้ผู้ลงทุนรวมสูงถึง 4.74 ล้านล้านบาท โดยในปี 62 มีการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 610,768 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากในปี 53 หรือมีอัตราการเติบโตของเงินปันผลเฉลี่ยรายต่อปี (CAGR) ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 7.37% ต่อปี ทั้งนี้เป็นผลจากจำนวนบริษัทที่เพิ่มขึ้นและเงินปันผลจ่ายที่เพิ่มขึ้น
จากเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นปันผล (Dividend Universe) ที่ต้องเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิ มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง 5 ปี และมีคะแนนบรรษัทภิบาล (CG Score) ครั้งล่าสุดอยู่ในระดับตั้งแต่ "ดี" ขึ้นไป พบว่า บริษัทจดทะเบียน 168 จากทั้งหมด 705 บริษัท ผ่านตามเกณฑ์
ส่วนใหญ่เป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มธุรกิจบริการมากที่สุด รองลงมา คือ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ตามลำดับ และหากเมื่อเทียบกับจำนวนบริษัททั้งหมดในอุตสาหกรรม พบว่า บริษัทในกลุ่มสินค้าอุปโภคและบริโภค กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มบริการ อยู่ใน Dividend Universe ในสัดส่วนสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่น
บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Dividend Universe มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 5 ปี อยู่ที่ 4.14% ต่อปี สูงกว่าภาพรวมที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.71% และสูงกว่าบริษัทจดทะเบียนที่อยู่นอกกลุ่ม Dividend Universe ที่มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.19%
เมื่อพิจารณารายอุตสาหกรรม พบว่า บริษัทจดทะเบียนใน Dividend Universe ที่อยู่ในกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และกลุ่มธุรกิจการเงิน ที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่าอุตสาหกรรมอื่น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.71%, 5.39% และ 5.15% ตามลำดับ
ทั้งนี้ บริษัทที่มี Dividend yield เฉลี่ย 5 ปี สูงสุด 15 อันดับแรกใน Dividend Universe มี Dividend yield อยู่ในระดับสูง โดยอยู่ในช่วง 7.07-9.95% หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 8.08% ขณะที่เงินฝากประจำ 12 เดือนของธนาคารพาณิชย์ไทยต่ำกว่า 2.00% นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนในกลุ่ม Dividend Universe ชุด 5 ปี ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาด โดยตลอดช่วง 5 ปีการลงทุนให้ผลตอบแทนรวม 47.54% ขณะที่ SET Index ให้ผลตอบแทนรวม 22.10% ดังนั้น การลงทุนในหุ้นปันผลจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้มีเงินออมที่ต้องการลงทุนในระยะยาว
สำหรับ บจ.ที่มีอัตรา Dividend yield เฉลี่ย 5 ปี สูงสุด 15 อันดับแรก ได้แก่ MODERN 9.95%, SWC 9.87%, LHK 9.46%, KGI 8.54%, MFC 8.14% , MBAX 7.96%, PT 7.89%, INTUCH 7.86%, PATO 7.58%, AIT 7.57%, WINNER 7.52%, SUTHA 7.40% , PM 7.26% , NSI 7.15% และ CG 7.07%