นายจุมพล สายมาลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. พรินซิเพิล เปิดเผยว่า การลงทุนในปี 63 มีปัจจัยที่ต้องติดตามคือราคาสินทรัพย์มีแนวโน้มผันผวนเพิ่มขึ้น จากปัจจัยเชิงลบ เช่น ความไม่แน่นอนจากภาวะสงครามการค้า การแยกตัวของสหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรป การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รวมถึงปัจจัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คาดว่าจะภาครัฐของแต่ละประเทศจะเริ่มส่งสัญญาณนโยบายการคลัง-การเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
จากมุมมองดังกล่าว จึงแนะนำการลงทุนในกองทุนเปิดพรินซิเพิล สตราทีจิค อินคัม ฟันด์ (Principal Strategic Income Fund : PRINCIPAL SIF) ซึ่งเป็นกองทุนแบบผสมที่มีกลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ผสมผสานการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความมั่นคงและมีคุณภาพ Investment Grade และ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หรือรีทคุณภาพดีและมีรายได้ประจำสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่ต้องการพอร์ตที่สร้างรายได้ประจำที่สูงกว่ากองทุนตราสารหนี้แต่มีความผันผวนต่ำ
ผู้จัดการกองทุนภายใต้ทีมผู้จัดการกองทุนสินทรัพย์ทางเลือกและทีมผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ ร่วมกันกำหนดกลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตการลงทุน การปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมและมีกระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ในตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมอินฟราสตรัคเจอร์ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ REITs ในขณะเดียวกันมีโอกาสที่จะเพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นคุณภาพมีการเติบโตและจ่ายเงินปันผลสูง การ Rebalancing Model เพื่อควบคุมความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม และลดความผันผวนในการลงทุน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ สามารถสร้าง Income Return ที่เหมาะสมให้กับท่านนักลงทุนได้
กองทุนมีผลการดำเนินงานที่โดดเด่นในปี 62 ให้อัตราผลตอบแทน 11.58% เทียบดัชนีเปรียบเทียบ 15.76% และนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (19 พฤษภาคม 2559) ให้อัตราผลตอบแทน 6.38% ต่อปี เทียบดัชนีเปรียบเทียบที่ 7.35% (ข้อมูล ณ 31 ม.ค.63) และกองทุนนี้ยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จากมอร์นิ่งสตาร์ ประเทศไทย (31 ธ.ค.62)
"เรามองว่าภายใต้สถานการณ์ราคาสินทรัพย์ที่มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น กองทุนเปิดพรินซิเพิล สตราทีจิค อินคัม ฟันด์ เป็นทางเลือกกระจายการลงทุนเพื่อลดความผันผวนของพอร์ตและเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุนได้ โดยคาดการณ์ผลตอบแทนประมาณ 3.5% ต่อปี" นายจุมพล กล่าว