นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซีฟโก้ (SEAFCO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 ที่ 3.3 พันล้านบาท หรือเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 3 พันล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ทั้งหมด 2.56 พันล้านบาท ซึ่งจะมีการทยอยรับรู้เข้ามาในปีนี้
ปัจจุบันสัดส่วนของงานเสาเข็มและงานฐานรากที่บริษัทรับงานโครงการภาครัฐ 45% และงานภาคเอกชน 55% โดยเป็นงานในประเทศสัดส่วน 96% และงานต่างประเทศในเมียนมา 4% ซึ่งงานของบริษัทในเมียนมาปัจจุบันมีงานยังรอการส่งมอบอีก 30-40 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ และบริษัทอยุ่ระหว่างการมองหางานในเมียนมาเข้ามาเพิ่มเติม
ขณะที่การประมูลงานในประเทศในปัจจุบันบริษัทยังต้องรอการประกาศจากผู้รับเหมาหลัก ซึ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อาจจะทำให้การประกาศงานโครงการต่างๆอาจจะชะลอและเลื่อนออกไปบ้าง แต่บริษัทเชื่อว่าหากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายแล้ว การประกาศผลการประมูลงานจะมีออกมามาก ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้กับบริษัท
ในช่วงนี้ที่งานยังมีออกมาไม่มากบริษัทจะใช้โอกาสในการเร่งทำงานที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อนหรือตามกำหนด เพื่อทำให้บริษัทมีบุคคลากรที่สามารถทำงานในโครงการใหม่ๆที่ได้รับได้ทันที เพื่อให้มีความพร้อมในการรับงานใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทยื่นประมูลงานไปแล้วมูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านบาท คาดหวังจะมีงานใหม่เข้ามาเป็น Backlog กว่า 1.5-2 พันล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังวางงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 150 ล้านบาท โดยที่ได้ใช้ไปแล้ว 100 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรมารองรับงานที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีความสามารถในการรับงานได้เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทยังมีความสามารถในการรับงานใหม่ที่เพียงพอ และมีความมั่นใจในการที่จะคว้างานใหม่ๆเข้ามาเพิ่ม เพราะบริษัทเป็นผู้รับเหมางานฐานรากและเสาเข็มที่มีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 1 ในอุตสาหกรรม สัดส่วน 30%
ขณะที่ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงค่อนข้างมากในช่วงนี้ส่งผลบวกทำให้ต้นทุนของบริษัทลดลงราว 3.5-7% ซึ่งคาดว่าจะช่วยหนุนกำไรของบริษัทให้ปรับตัวดีขึ้น แต่อย่างรก็ตามยังต้องติดตามว่าสถานกาณ์ราคาน้ำมันตลอดทั้งปีนี้จะมีการเคลื่อนไหวเป็นอย่างไร