นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) คาดว่า ภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ช่วงไตรมาสแรกปีนี้เชื่อว่ายังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้และกำไรสุทธิมีแนวโน้มที่ดี เนื่องจากทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั้งในและต่างประเทศที่ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เต็มปี และปีนี้คาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์
ขณะที่ธุรกิจเทรดดิ้งและรับเหมาก่อสร้าง ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำมาต่อยอดงานในมือให้เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้มั่นใจรายได้ปีนี้จะแตะระดับ 9,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 25%จากปีก่อน
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการดำเนินธุรกิจการจัดหาอุปกรณ์สำหรับระบบไฟฟ้า และรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งปัจจุบันได้มีการชนะการประมูลโครงการนำสายเคเบิลลงดินขนาดใหญ่ 2 โครงการส่งผลให้มูลค่างานในมือของบริษัทเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดเกือบ 8 พันล้านบาท ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ในส่วนของสถานะการเงินยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากมีการจัดการสภาพคล่องในระดับที่ดีมาก รวมทั้งมีวงเงินที่ยังไม่ได้เบิกใช้รวมกับเงินสดและหลักทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงในระดับสูง
"กลุ่มบริษัทฯ ยังมีโอกาสอีกมากในการเข้าร่วมประมูลงาน EPC ใหม่ๆ และมีโอกาสได้งานค่อนข้างสูง ประกอบกับการที่บริษัทฯ เดินหน้าตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ โดยเฉพาะธุรกิจด้านพลังงานทดแทน ทั้งภายในและต่างประเทศ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยบวกที่ทำให้ผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตอย่างมีศักยภาพและก้าวไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพทำให้รายได้ และกำไรสุทธิปีนี้เติบโตได้อย่างโดดเด่น"
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 2 แห่งในประเทศญี่ปุ่นสามารถดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ และส่งผลให้กระแสเงินสดเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศที่ผลิตไฟฟ้าได้ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯครอบครองสัญญาซื้อขายไฟฟ้ารวม 638 เมกะวัตต์ และสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้แล้ว 437 เมกะวัตต์ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามอีก 2 โครงการรวม 60 เมกะวัตต์ที่ทางบริษัทได้ซื้อกิจการมาในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งได้มีการเริ่มดำเนินงานแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2562 ส่งผลให้สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทฯได้ทันที
นางสาวโศภชา กล่าวว่า จากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัทฯ อันเนื่องมาจากธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์( COD) ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลทำให้ ทริสเรตติ้ง คงอันดับเครดิต GUNKUL ไว้ที่ "BBB" โดยปรับเพิ่มแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น "Positive" หรือ "บวก" จาก "Stable" หรือ "คงที่" เพื่อสะท้อนการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง