นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) ตั้งเป้าว่าในปี 63 จะมีงานใหม่ 4 หมื่นล้านบาท จากงานประมูลภาครัฐที่จะมีออกมาราว 2-3 แสนล้านบาท ส่วนหนึ่งเป็นโครงการที่เตรียมลงนามสัญญาหลังจากบริษัทเป็นผู้ชนะประมูล ได้แก่ โครงการ พัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก มูลค่า 2.9 แสนล้านบาท คาดจะรับรู้งานก่อสร้างกว่า 2 หมื่นล้านบาทในเฟสแรกที่จะรองรับจำนวนผู้โดยสาร 12 ล้านคน งาน O&M โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี และ สายบางปะอิน-นครราชสีมา มีมูลค่างานก่อสร้างราว 5-6 พันล้านบาท
นอกจากนี้มีงานก่อสร้างส่วนต่อขยายสายสีชมพูที่ไปเมืองทองธานี มูลค่างานก่อสร้าง 2.5 พันล้านบาท รวมทั้ง บริษัทจะเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี มูลค่า 1.4 แสนล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ เฟส 2
ขณะที่ STEC จะร่วมกับ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และ บมจ.ราชกรุ๊ป (RATCH) เข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และยังได้เจรจาพันธมิตรรายอื่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ 1-2 ราย เข้าร่วมประมูลด้วย ทั้งนี้คาด TOR จะออกมาช่วง กลางปี 63
นายภาคภูมิ กล่าวว่า ในปีนี้คาดบริษัทจะรับรู้รายได้ 3.6 หมื่นล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 3.2 หมื่นล้านบาท จากงานในมือ (Backlog) มีอยู่ 9 หมื่นล้านบาทที่ทยอยรับรู้รายได้ 4 ปี ซึ่งมีงานโรงไฟฟ้าในสัดส่วน 15-20%
ขณะที่ อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit) จะรักษาให้ใกล้เคียงกับปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 5-6% เพราะยังคงมีงานก่อสร้างรัฐสภาที่ล่าช้ามา เป็นงานที่ไม่มีกำไร และได้ตั้งสำรองไว้หมดแล้วกว่า 3 พันล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าภายในปลายปี 63จะก่อสร้างเสร็จสำหรับงานในสัญญาที่ได้มีการขยายเวลากว่า 2,000วัน
"เรายังโชคดีมีงานในมือสูง และมีงานที่ใกล้เซ็นสัญญา ที่รับรู้ได้ 3-4 ปี ดูจากงานที่ AOT ประมูลรันเวย์ 3 มีการแข่งขันสูงมาก คาดว่าปีนี้น่าจะแข่งขันกันมาก แต่เราจะไม่แข่งขันราคากับงานที่ไม่มีกำไร"นายภาคภูมิกล่าว
สำหรับโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก ที่กลุ่มบีบีเอส (STEC ถือ 20%) นายภาคภูมิ กล่าวว่า กลุ่มบีบีเอส อยู่ระหว่างเจรจากับกองทัพเรือ ซึ่งเริ่มเจรจาเมื่อปลายเดือน ก.พ. ที่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุใน RFP และมีความเป็นไปได้จะเจรจาให้เสร็จสิ้นในเดือนมี.ค.นี้ โดยมีกรอบการลงนามในเดือน เม.ย.