ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,103.96 จุด ลดลง 10.95 จุด (-0.98%) มูลค่าซื้อขายราว 73,954.19 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนรุนแรง โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,164.16 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 969.08 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าเกิด Panic Sell จนต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์พักการซื้อขาย 30 นาทีเป็นครั้งที่ 2 ต่อจากวานนี้ ก่อนที่รีบาวด์และแกว่งตัวผันผวนรุนแรง อย่างไรก็ตาม จากสถิติการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ที่ผ่านมาของไทย 3 ครั้งหลังจากใช้เชอร์กิตเบรกเกอร์แล้วในวันถัดไปหุ้นมักจะปรับตัวขึ้น ซึ่งทำให้มีโอกาสที่วันนี้หุ้นไทยอาจจะปรับขึ้นได้
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างก็ติดลบถ้วนหน้า เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบกว่า 1% แต่ถือว่าน้อยกว่าช่วง 2 วันที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าตอนนี้ตลาดบ้านเราจะ Link กับดาวโจนส์ ซึ่งมีตัวแปรเดียวกันคือการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ สถานการณ์น้ำมันก็เป็นลบด้วยจากตอนนี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงไปมาก และตลาดหุ้นไทยก็ยังมีน้ำหนักหุ้นในกลุ่มพลังงานค่อนข้างมาก จากสถานการณ์ที่เผชิญอยู่นี้ ทำให้คนไม่ค่อยให้ความสนใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่ออกมา ตอนนี้คงจะต้องรอข่าวดีด้านอื่นๆ
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายมงคล กล่าวว่า ตลาดฯยังมีความไม่แน่นอนสูง ขึ้นอยู่กับทิศทางตลาดต่างประเทศด้วย ถ้าติดลบกันไม่มากก็มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะปิดในแดนบวก
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BAM มูลค่าการซื้อขาย 8,070.26 ล้านบาท ปิดที่ 20.00 บาท ลดลง 0.30 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 6,899.26 ล้านบาท ปิดที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 4,755.52 ล้านบาท ปิดที่ 54.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 4,117.16 ล้านบาท ปิดที่ 62.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
GULF มูลค่าการซื้อขาย 3,417.37 ล้านบาท ปิดที่ 134.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท