นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่(ดีดี) บมจ.การบินไทย (THAI) กล่าวว่า สาเหตุยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้คณะกรรมการบริษัทคัดเลือกคนใหม่ที่มีความเหมาะสมและสามารถปฏิบัติตามนโยบายของคณะกรรมการได้
"ในการทำงาน มีพบมีจาก เรามาตามภารกิจ เมื่อผู้มีอำนาจบอกว่าคุณหมดภารกิจก็ไป ซึ่งเราก็ทราบอยู่แล้วเกิดอะไร"นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ ย้ำว่า แม้ไม่มีสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 การบินไทยก็อยู่แบบเดิมไม่ได้ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ ซึ่งตนเองได้เข้ามาทำงานพร้อมองค์ความรู้ที่กำหนดกลยุทธ์ รวมกับทักษะของคนการบินไทย ก็เชื่อว่าจะพลิกมีกำไรได้ แต่เมื่อปีที่แล้วโชคร้ายที่อยู่ในวิกฤตตลอดเวลา ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานก็ไม่ท้อ และที่ได้พบกับประธานสหภาพฯ สะท้อนว่าพนักงานมีความห่วงใยองค์กรและพร้อมรวมขับเคลื่อน ซึ่งพนักงานที่มีกว่า 2 หมื่นคน หากแยกกันคิดก็ลำบาก อย่างไรก็ตาม คนที่อยู่ก็ต้องทำต่อไป ผู้นำใหม่เข้ามาก็ทำต่อ
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาได้เดินหน้าโครงการมนตรา ซึ่งแล้วเสร็จไปเกิน 70% แล้ว และมีโปรแกรม P&L by Tail ที่ทำให้สามารถรู้รายได้กำไรต่อเที่ยวบิน
"ที่ผ่านมามีคนบอกว่าการบินไทยปิดประตูไปยังไม่รู้ว่าบินไปแล้วกำไรหรือขาดทุนซึ่งเราควรรู้ ฉะนั้นโปรแกรมนี้จะทำให้รู้ล่วงหน้า 3 เดือน ว่าจะทำอย่างไรหากขาย หรือมีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร (cabin factor) ไม่ดี เราต้องทำอะไรได้มากกว่านี้ ซึ่งโปรแกรมนี้สามารถนำมาใช้ช่วงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่บริษัทสามารถตัดการบินได้แม่นยำ และเครื่องมือนี้ยังช่วยบอกว่าควรนำเครื่องบินลงจอด และจอดกี่ลำ"นายสุเมธ กล่าว
นายสุเมธ เข้ารับตำแหน่ง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ THAI เมื่อเดือน ก.ย.61 และได้ยื่นใบลาออกเมื่อ 11 มี.ค.63 และมีผลในวันที่ 11 เม.ย.63 ระยะเวลาอยู่ในตำแหน่งนี้ 18 เดือน
ขณะที่ นายณเรศ พึ่งแย้ม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย พร้อมด้วยกล่มพนักงานกว่า 100 คน เข้ามอมอบดอกไม้ให้กับ นายสุเมธ ช่วงเช้าวันนี้ และตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดคณะการรมการบริษัท (บอร์ด) จึงไม่ยับยั้งการลาออก เพราะการเปลี่ยนม้ากลางศึกไม่เกิดผลดีต่อองค์กร ทำให้การบินไทยไร้ทิศทาง ถ้าหากเกิดปัญหาบอร์ดและรมว.คมนาคมจะรับผิดชอบอย่างไร
ทั้งนี้ สหภาพฯ เชื่อว่านายสุเมธลาออกเกิดจากแรงกดดัน ทำให้ผู้บริหารต้องออกมารับผิดชอบด้วยการลาออกเอง โดยแรงกดดันมาจากที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้สนับสนุนการบินไทย และเบรกแผนการจัดหาเครื่องบิน ทั้งที่รัฐบาลชุดก่อนเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)เพื่ออนุมัติ แต่พอมารัฐบาลนี้กลับมาเบรกแผน และให้นำเครื่องบินแอร์บัส เอ340 มาบิน ทั้ง ๆ ที่เครื่องเก่าแล้ว อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้สนับสนุนแผนฟื้นฟูองค์กรอย่างเต็มที่ และสถานะการเงินก็ย่ำแย่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 56 แล้ว ทำให้การบินไทยจำเป็นต้องขอความชวยเหลือของรัฐบาลให้การสนับสนุน เนื่องจากหาแหล่งเงินกู้ยาก
"สหภาพฯ เข้าใจว่า ดีดี พยายามแก้ไขเรื่องสภาพคล่อง แผนฟื้นฟู แต่รัฐมตรีไม่โอเค ก็ต้องแยกย้าย ก็ต้องจบ เพราะดีดีก็มีทิศทางสู้เป็นของตัวเอง แต่ฝ่ายการเมืองไม่เอา"นายณเรศ กล่าว
สำหรับกระแสข่าวว่านายจักรกฤศดิ์ พาราพันธกุล รองปลัดกระทรวงการคลัง มานั่งรักษาการดีดี นายณเรศ กล่าวว่า เป็นคนรัฐบาลที่ส่งมา คาดว่ามาช่วยเรื่องการซื้อเครื่องบิน และทำแผนกู้เงินที่เกี่ยวพันกับหนี้สาธารณะ