นายจเรรัฐ ปิงคลาศัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดราก้อน วัน(D1) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทเข้าลงทุนในบริษัทอีก 3 แห่ง มูลค่ารวมประมาณ 700 ล้านบาท ในจำนวนดังกล่าวเป็นธุรกิจด้านไอที 2 บริษัท มูลค่าลงทุนรายละประมาณ 300 ล้านบาท อาจเป็นรูปแบบของการแลกหุ้น ส่วนอีก 1 แห่งเป็นธุรกิจด้านที่ปรึกษาและประชาสัมพันธ์ที่คาดว่าจะทำดีลมูลค่าประมาณ 100 ล้านบาท
"ก็อยากให้จบภายใน Q1 นี่แหละ แต่ตอนนี้ราคาหุ้น D1 ยังไม่เหมาะสม บริษัทที่จะเข้าไปลงทุน เขาดีอยู่แล้วทั้งผลประกอบการ กำไร"นายจเรรัฐ กล่าว
นายจเรรัฐ กล่าวถึงนโยบายการลงทุนของ D1 ว่า วิธีที่จะทำให้กลุ่ม D1 โตนั้นมีหลายวิธี คือ 1.การเพิ่มทุนให้ RO แล้วนำไปลงทุน ผู้ถือหุ้นเองก็ได้ประโยชน์ ราคาหุ้นไม่ถูก dilute 2.กู้เงินเพื่อนำมาขยายกิจการ 3.การแลกหุ้น (Swap) กับธุรกิจอื่น และ 4. นำบริษัทลูกเข้าระดมทุนผ่านตลาดหุ้น แล้วนำเงิน IPO ไปลงทุนต่อ เช่น บริษัท แอพพลิเคชั่น โฮสดิ้ง เซอร์วิส หรือ A-HOST
ทั้งนี้ นายจเรรัฐ ยืนยันว่า อย่างเร็วในปี 52 หรืออย่างช้าในปี 53 น่าจะได้เห็น A-HOST เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai แน่นอน
"เรื่องเพิ่มทุน ปีนี้หมดรอบนี้คงจะไม่มีแล้ว ส่วนปีหน้าค่อยว่ากันใหม่"นายจเรรัฐ กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ D1 ระบุว่ามีแผนจะนำ A-HOST เข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ราวไตรมาส 3/51
นายจเรรัฐ กล่าวว่า D1 จะยังคงเป็นบริษัทโฮลดิ้ง โดยปัจจุบันรายได้หลักจะยังคงมาจากธุรกิจไอที โดยในปี 51 คาดว่าธุรกิจไอทีของทั้งกลุ่มทุกตัวจะโตเฉลี่ย 15% ยอดขายไอทีโดยรวมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 430-450 ล้านบาท และคาดว่า Net Profit Margin จะมากกว่าระดับ 10% ในปี 50
"มีแนวโน้มว่าไตรมาสแรกน่าจะทะลุเป้า 100 ล้านบาทไปแล้ว และโดยปกติ ไตรมาส 2 กับ 4 จะดี"นายจเรรัฐ กล่าว
นายจเรรัฐ กล่าวว่า แนวโน้มอุตสาหกรรมไอทีปีนี้น่าจะไปได้สวย หลังการมีรัฐบาลใหม่ ก็เริ่มมีงานประมูลออกมาเรื่อยๆ ซึ่งเท่าที่ทราบจะมีงานด้านไอทีออกมาประมาณ 6 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าเราจะได้งานประมาณ 5% ของมูลค่างานทั้งหมด
*คาดปี 54 รายได้ทั้งกลุ่มกระโดดแตะ 2 พันลบ.หลังโรงไฟฟ้าเดินเครื่อง
นายจเรรัฐ คาดว่า รายได้ของกลุ่ม DI จะเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาที่ 2 พันล้านบาทในปี 54 หลังจากโรงไฟฟ้าแห่งแรกที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนในกัมพูชาเปิดเดินเครื่อง โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไอทีและโรงไฟฟ้าจะใกล้เคียงกัน
D1 เข้าไปลงทุนในนามบริษัท ดีเพาเวอร์ ในสัดส่วน 20% ที่เหลือเป็นการถือหุ้นโดยกิจการของคนไทย 20% ที่เหลืออีก 60% จะถือหุ้นโดยพันธมิตรต่างชาติแถบเอเชีย ซึ่งตอนนี้กำลังเจรจาอยู่ 2 ราย คาดว่าจะสรุปให้เหลือเพียงรายเดียว
บริษัทดังกล่าวจะสร้างโรงไฟฟ้า 3 โรง โรงแรกเป็นแบบเสร็จแล้ว ส่วนโรงที่ 2 และ 3 จะเริ่มทันทีที่ได้รับการอนุมัติเงินกู้จากเจบิค ซึ่งน่าจะได้รับเงินกู้ไม่เกินไตรมาส 3/51 โดยคาดว่าโรงไฟฟ้าแต่ละโรงจะใช้เวลาสร้างประมาณ 3 ปีครึ่ง
"ตอนนี้โรงแรกแบบเสร็จแล้ว สำหรับโรงไฟฟ้าทั้ง 3 โรง จะใช้พันธมิตรคนละกลุ่ม และเราจะเซ็นสัญญาซื้อขายไฟกับ EGAT เป็นเวลา 25 ปี"นายจเรรัฐ กล่าว
ส่วนธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในกัมพูชา ขนาด 1 หมื่นไร่ที่บริษัทเข้าไปดำเนินการในนามบริษัท ดีไพลิน จำกัด มองว่ามีศักยภาพดี คาดว่า ภายใน 3 ปีน่าจะขายได้หมดราคาไร่ละ 1 ล้านบาท
"ประเทศกัมพูชาเป็นอะไรที่น่าลงทุนมาก เพราะสิทธิประโยชน์ทางภาษีดี ให้ผลประโยชน์แก่ต่างชาติที่เข้าไปลงทุนเต็มที่ เช่าที่ทำธุรกิจได้เป็นระยะยาว ทำให้กัมพูชาเป็นประเทศที่ต่างชาติให้ความสนใจ"นายจเรรัฐ กล่าวเสริม
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--