นายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทคงเป้ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในปีนี้เติบโต 15-20% จากระดับ 5,269 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ตามปริมาณการขายที่คาดว่าจะเติบโต 15-20% มาอยู่ที่ 5,400 ล้านลิตร จากปี 62 อยู่ที่ราว 4,700 ล้านลิตร จากการเพิ่มจำนวนสถานีบริการเป็น 2,200 แห่ง และการขยายธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงขยายฐานสมาชิกผู้ถือบัตร PT Max Card เพิ่มเป็น 15 ล้านสมาชิก
โดยในช่วงไตรมาส 1/63 นี้คาดว่าปริมาณการขายจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้ว่าปริมาณขายน้ำมันกลุ่มเบนซินลดลง รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามยังมีการเติบโตในกลุ่มการขนส่ง ส่งผลดีต่อปริมาณขายในส่วนของยอดขายน้ำมันกลุ่มดีเซล
สำหรับโครงการปาล์มคอมเพล็กซ์จะเดินเครื่องเต็ม 100% โดยบริษัทมีส่วนแบ่งกำไรตามสัดส่วนร่วมทุนอยู่ที่ 40% หรือประมาณ 160-200 ล้านบาท โดยโครงการมีกำลังการผลิตไบโอดีเซล (B100) ประมาณ 500,000 ลิตร/วัน และน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค (โอเลอีน) 200,000 ลิตร/วัน รวมถึงจากนโยบายภาครัฐที่กำหนดให้ B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน แทน B7 นั้น ทำให้ความต้องการใช้ B100 เพิ่มขึ้น เนื่องจากต้องผสม B100 ในน้ำมันดีเซลสัดส่วน 10% จากเดิมที่ผสมในสัดส่วน 7% เพื่อผลิตเป็น B7
ส่วนของธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าหมายปี 63 จะขยายธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ภาคครัวเรือน จากปัจจุบันที่มีการจำหน่าย LPG ผ่านสถานีบริการในภาคขนส่งเท่านั้น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอใบอนุญาตการค้าย่อยอยู่ ทั้งนี้ หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการบริษัทตั้งเป้าขยายจุดบริการเติม LPG ราว 60-70 จุด
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมปรับแผนการลงทุนใหม่ เนื่องจากต้องประเมินผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่าจะมีผลกระทบด้านใดบ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับกระแสเงินสดของบริษัท จากปัจจุบันบริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ใช้ลงทุนธุรกิจน้ำมัน 3,900 ล้านบาท นอนออยล์ 600 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท