บมจ.ช.การช่าง (CK) ขยายรับงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ คาดเพิ่มงานในมือ(backlog)แตะ 4 หมื่นล้านบาทภายในสิ้นปี 51 ไม่รวมงานรถไฟฟ้าที่คาดว่าจะร่วมเข้าประมูลแน่นอน จากขณะนี้ backlog มีอยู่แล้ว 1.87 หมื่นล้านบาท ช่วงไตรมาส 1/51 มีงานรอเซ็นสัญญา 3.55 พันล้านบาททั้งงานในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เพิ่มเป็น 10-15% จาก 8% ในปี 50
สำหรับโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในประเทศลาวทั้งเขื่อนน้ำบากและไซยะบุรี เดินหน้าไปตามแผนงาน คาดโครงการน้ำบากหมื่นล้านบาทเซ็นสัญญาทั้งสัมปทาน เงินกู้ และขายไฟฟ้าได้ครบภายในครึ่งแรกของปีนี้ ส่วนไซยะบุรีไม่เกินปลายปี 52 ขณะที่ชิมลางประมูลงานก่อสร้างจากรัฐบาลเวียดนามราว 100 ล้านบาทรู้ผลเร็ว ๆ นี้ หลังเข้าไปรับงานก่อสร้างโรงงานกระดาษ SCG ของกลุ่มปูนซิเมนต์ไทย
นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารงานโครงการ CK กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท จาก backlog ที่มีอยู่ในขณะนี้
ในไตรมาส 1/51 บริษัทมีงานรอเซ็นสัญญาแล้ว 3 โครงการ ได้แก่ งานก่อสร้างโรงงานผลิตกระดาษของกลุ่มปูนซิเมนต์ไทยที่เวียดนาม มูลค่า 150 ล้านบาท งานทางลอดอุโมงค์ถนนจรัญสนิทวงศ์ของ กทม.มูลค่า 900 ล้านบาท และ งานก่อสร้างอาคารของ กทม.2.5 พันล้านบาท รวมเป็น 3.55 พันล้านบาท
ส่วนงานใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามา ได้แก่ โครงการน้ำบาก 1-2 มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท โครงการโรงไฟฟ้า SPP ขนาด 1600 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทจะเป็นทั้งผู้บริหารโครงการและผู้ก่อสร้าง มูลค่าประมาณ 4-5 พันล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างยื่นแผน EIA และ โครงการขยายกำลังการผลิตของบมจ.น้ำประปาไทย มูลค่า 1 พันล้านบาท
นอกจากนั้น ยังมีงานอื่น ๆ อีกประมาณ 3 พันล้านบาท
"backlog ปีนี้ คิดว่าจะเพิ่มเป็น 4 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมโครงการรถไฟฟ้าที่เราคิดว่าปีนี้สายที่จะมีการประมูลแน่ ๆ ก็มีสายสีม่วง สายสีแดง และสีเขียว มาร์จิ้นงานใหม่เราก็ตั้งไว้ที่ 10-15% เราก็คิดว่าปีนี้เราจะมีกำไร"นายวรพจน์ กล่าว
ปี 50 CK มีกำไรสุทธิ 14 ล้านบาท
นายวรพจน์ กล่าวว่า โครงการน้ำบาก 1-2 ในลาว จะมีการเซ็นสัญญาภายในครึ่งปีแรก เป็นสัญญาเงินกู้ 7 พันล้านบาท และเซ็นสัญญาสัมปทาน 25 ปีกับรัฐบาลลาว รวมทั้งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ด้วย คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 4-5 ปี แต่จะรับรู้รายได้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้
ขณะที่โครงการไซยะบุรี ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษานั้น คาดว่าจะเซ็นสัญญาภายในปี 52 ขณะเดียวกันก็เจรจาหาพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนในโครงการดังกล่าวด้วย โดยขณะนี้มีหลายรายแสดงความสนใจเข้ามาแล้ว และทางรัฐบาลลาวก็น่าจะเข้ามาถือประมาณ 25% ใช้เวลาก่อสร้างโครงการประมาณ 4-5 ปีเช่นกัน
นายวรพจน์ กล่าวว่า โครงการน้ำงึม 2 ในลาว ขณะนี้ก่อสร้างคืบหน้าไปมากกว่า 50% แล้ว เชื่อว่าจะแล้วเสร็จได้ตามแผนงาน
บริษัทยังได้เปิดกว้างศึกษาการเข้าประมูลงานเพิ่มเติมในต่างประเทศ เช่น ในเวียดนาม ในการเข้าไปรับงานก่อสร้างสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานจากรัฐบาล คาดว่าจะรู้ผลเร็ว ๆ นี้มูลค่าโครงการประมาณ 100 ล้านบาท ส่วนในอินเดีย ได้เข้าไปศึกษาโครงการถนน รถไฟฟ้า และ ทางด่วน
นายวรพจน์ กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมวงเงินหุ้นกู้ราว 2 พันล้านบาท ที่จะสามารถออกขายได้ราวครึ่งหลังของปี 51 เพื่อนำเงินเข้ามาลงทุนในโครงการน้ำบาก 1-2 และรองรับการลงทุนเมกะโปรเจ็คต์ในอนาคต
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร/นิศารัตน์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 322 อีเมล์: nisarat@infoquest.co.th--