CWT เล็งยื่นลงทุนโรงไฟฟ้าขยะชุมชนเทศบาลนครสวรรค์ไม่เกิน 10MW ต่อยอดจากงานบริหาร-กำจัดขยะ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 17, 2020 10:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป (CWT ) เปิดเผยว่า บริษัท กรีน เพาเวอร์ 1 จำกัด (GP1) ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 75.01% เมื่อวันที่ 13 มี.ค.63 ได้รับหนังสือแจ้งการได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ดำเนินการโครงบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนลงทุนโดยเอกชน เทศบาลนครนครสวรรค์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเสนอผู้มีอำนาจอนุมัติจัดซื้อจัดจ้าง และคาดว่าจะเข้าทำสัญญาภายในเดือน มิ.ย.63

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะเป็นเพียงการลงทุนในการบริหารจัดการและการกำจัดขยะมูลฝอยชุมชนก่อนในเบื้องต้น และจะได้มีการพัฒนาเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะชุมชน ตามนโยบายของภาครัฐในลำดับต่อไป

นายวีระพล ไชยธีรัตต์ กรรมการผู้จัดการ CWT เผยว่า บริษัทมีความพร้อมและทีมงานที่เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการขยะเป็นอย่างดี โดยที่จังหวัดนครสวรรค์มีปริมาณขยะที่ต้องบริหารจัดการมากกว่า 300 ตันต่อวัน ซึ่งที่ส่งไปบ่อฝังกลบเทศบาลนครนครสวรรค์ มีประมาณ 250 ตันต่อวัน อีกทั้งในบ่อฝังกลบเดิมก็มีขยะอยู่จำนวนมากกว่า 1 ล้านตันแล้ว ทางเทศบาลฯจึงเห็นว่าการเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยบริหารจัดการ จะทำให้การบริหารจัดการขยะทำได้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

"เมื่อเราเห็นโอกาสจึงไม่ลังเลที่จะเข้าร่วมแข่งขันคัดเลือกในโครงการนี้ ซึ่งจากเกณฑ์การคัดเลือกที่ผ่านมา เราได้คะแนนประเมิณทางด้านเทคนิคสูงที่สุด ทำให้สามารถคว้าสิทธิผู้จัดการฯมาได้ เป็นการทำสัญญาว่าจ้างแบบระยะยาว 25 ปี มีมูลค่ารวมประมาณ 590 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นสัญญาในเฟสแรก บริหารจัดการและจัดการขยะให้เป็นเชื้อเพลิงขยะ (Refuse Derived Fuel: RDF)"นายวีระพล กล่าว

ขณะที่ทางเทศบาลนครนครสวรรค์จะพัฒนาโครงการต่อให้ไปเป็นโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะชุมชน อันเป็นโครงการที่น่าสนใจ เมื่อมีข้อกำหนดที่ชัดเจนจากทางเทศบาลฯแล้ว บริษัทจะได้รับเชิญชวนให้พัฒนางานโรงไฟฟ้าขยะชุมชนนี้ด้วย ซึ่งมีความพร้อมที่จะทำงานต่อทันที โดยจะเป็นการต่อยอดจากเป็นผู้บริหารจัดการขยะไปสู่ผู้ผลิตกระแสไฟฟ้า

และยังสอดคล้องกับมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ซึ่งอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนในโครงการแปลงขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า ขนาดกำลังการผลิตไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ที่แม้ว่าจะใช้เวลานานในการดำเนินงานให้เป็นไปตามมติที่ผู้ถือหุ้นอนุมัติไว้ แต่เราก็ทำให้เห็นว่าเราทำได้ตามที่แจ้งไว้จริงๆ เพราะบริษัทฯจะทำแต่โครงการที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น และแน่นอนว่าจะไม่หยุดพัฒนาโครงสร้างการทำงานในทุกภาคธุรกิจของบริษัทฯ เพื่อการเติบโตที่สูงขึ้นในทุกทิศทาง"

"ทั้งนี้ แม้ทั่วโลกจะอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอันเป็นผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 แต่ธุรกิจ CWT ไม่ได้กระทบตามไปด้วยทุกธุรกิจ โดยรวมเรายังอยู่ในเกณฑ์ดี มีแนวโน้มเติบโตได้ดี ด้วยธุรกิจโรงไฟฟ้าของเรา รวมทั้งธุรกิจในบริษัทย่อย ‘SakunC’ เป็นการทำงานร่วมกับส่วนราชการ ซึ่งในปี 63 มีงานราชการเข้ามามูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท" นายวีระพล กล่าวเพิ่มเติม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ