ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์พุ่ง 416.66 จุดขานรับ FED อัดฉีดสภาพคล่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 12, 2008 06:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) ขานรับข่าวที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศใช้มาตรการร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาด
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้น 416.66 จุด หรือ 3.6% แตะที่ระดับ 12,156.81 จุด ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 29 ก.ค.2545 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 47.28 จุด หรือ 3.7% แตะระดับ 1,320.65 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดพุ่งขึ้น 86.42 หรือ 4% แตะระดับ 2,255.76 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.95 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1
ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นขานรับข่าวที่ว่า เฟดประกาศใช้มาตรการในการร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ด้วยการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในตลาด โดยเฟดจะเพิ่มวงเงินกู้สูงสุดถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้โครงการ Term Securities Lending Facility (TSLF) โดยจะให้กู้ตราสารหนี้ได้นาน 28 วัน แทนการกู้แบบข้ามคืนซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ เฟดจะขยายวงเงินกู้ยืมผ่านสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราแบบชั่วคราว (swap line) กับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และธนาคารกลางสวิส โดยทำข้อตกลงกับอีซีบีในการเพิ่มวงเงินกู้สูงสุดไม่เกิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากปัจจุบันที่ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และข้อตกลงกับธนาคารกลางสวิสเพิ่มขึ้นสูงสุดไม่เกิน 6 พันล้านดอลลาร์จากปัจจุบันที่ 2 พันล้านดอลลาร์
แอนโทนี คอนรอย นักวิเคราะห์จากบริษัทบีเอ็นวาย คอนเวิร์จเอ็กซ์ กรุ๊ป กล่าวว่า "เฟดพยายามทำทุกวิถีทางที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ขยายตัวต่อไปได้ ซึ่งไม่เพียงแต่ลดอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังใช้มาตรการเชิงรุกและสร้างสรรค์ การที่เฟดตัดสินใจอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการธนาคารเพิ่มขึ้น ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่จะกอบกู้ความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน"
"นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของเฟดทำให้ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้รับประโยชน์โดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถกู้ยืมเงินได้มากกว่าที่เฟดกำหนด ผมคาดว่าการที่เฟดออกมาเคลื่อนไหวในครั้งนี้อาจเป็นเพราะเฟดไม่ต้องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากนักในการประชุมวันที่ 18 มี.ค.นี้" คอนรอยกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินทะยานขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ปพุ่งขึ้น 7.2% หุ้นวอชิงตัน มิวช่วล ดีดขึ้น 17% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.8% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดีดขึ้น 10.9% หุ้นเลห์แมน บราเธอร์สพุ่งขึ้น 7.8% และหุ้นเมอร์ริล ลินช์ ดีดขึ้น 6.4%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ