นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออลล่า (ALLA) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 จะเติบโต 10-20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 865.38 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปีที่มีอยู่ 283 ล้านบาท เนื่องจากได้รับงานใหม่ขนาดเล็กถึงกลางที่มีมูลค่างานราว 2-10 ล้านบาทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ทั้งหมด ในขณะเดียวกันบริษัทจะมีสัดส่วนรายได้จากงานบริการหลังการขายเข้ามาเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอยู่ที่ราว 20%
รวมถึงบริษัทเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในส่วนของงานให้บริการเครนและรอกไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นทั้งในส่วนของฐานลูกค้าเดิมและฐานลูกค้าใหม่ในหลายอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มรายได้และกระจายความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว นอกจากนั้นยังเตรียมเสนองานขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าหลัก 100 ล้านบาทที่คาดว่าจะออกมาให้เห็นในช่วงไตรมาส 2-ไตรมาส 3 ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่จะตัดสินใจลงทุน
"ปีนี้เรายังคงมั่นใจว่าผลประกอบการจะมีการเติบโตหากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ไม่ยืดเยื้อไปถึงช่วงปลายปี เบื้องต้นคาดว่าจะจบลงในช่วงครึ่งปีแรกนี้ โดยปัจจุบันการรับรู้รายได้ยังคงเป็นไปได้ตามปกติ เนื่องจากโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ยังต้องดำเนินการตามปกติ ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี และโครงการรถไฟฟ้าสายสีต่างๆ"นายองอาจ กล่าว
นายองอาจ ยังกล่าวว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/63 นี้บริษัทมั่นใจว่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยการรับรู้รายได้ที่มีจากงานในมือที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง งานขนาดกลางและเล็กที่เข้ามาเพิ่มเติม และลูกค้าเดิมเข้ามาใช้บริการหลังการขายที่เพิ่มขึ้นด้วย
ขณะที่บริษัทตั้งเป้าที่จะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 11.74% โดยบริษัทจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี เน้นการให้บริการหลังการขายที่มากขึ้น ซึ่งมีมาร์จิ้นค่อนข้างดี และในปีนี้บริษัทจะไม่มีผลกระทบจากการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายพนักงานตาม พ.ร.บ.แรงงานฉบับใหม่เหมือนกับปีที่แล้ว
สำหรับผลประกอบการของบริษัทประจำปี 62 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 101.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.79 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 73.80 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 38% ในขณะที่บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 865.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187.94 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 677.43 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 28%
การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิและรายได้รวมมาจากการรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการขายเครนและรอกไฟฟ้า คิดเป็น 59% ของรายได้รวมทั้งหมดในปี 62 กลุ่มลูกค้าหลักคือ โรงไฟฟ้า อสังหาริมทรัพย์ ยานยนต์ ปิโตรเคมี และรถไฟฟ้า และการรับรู้รายได้จากงานใหม่คือ การขายและติดตั้งระบบการจัดการคลังสินค้าและอุปกรณ์ 43.11 ล้านบาท รวมถึงรับรู้รายได้จากส่วนงานให้บริการเครนและรอกไฟฟ้า ช่องโหลดสินค้าและอุปกรณ์ที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วย มีกลุ่มลูกค้าหลักคือ ยานยนต์ เหล็ก และอลูมิเนียม