นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้แต่ก็ยังอยู่ในกรอบจำกัด เนื่องจากมีหลายปัจจัยมาช่วยพยุงตลาดฯ ทั้งเรื่องที่สหรัฐฯใช้นโยบายการคลังด้วยการจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ นอกเหนือจากนโยบายการเงินที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ย และยังอัดฉีดสภาพคล่องด้วย
ส่วนบ้านเราทางตลาดหลักทรัพย์ก็มีการปรับเกณฑ์มาตรการหยุดพักการซื้อขายหลักทรัพย์ชั่วคราว (เซอร์กิต เบรกเกอร์) และปรับเกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์ ทำให้ช่วยลดความผันผวนการซื้อขายได้ แม้จะเป็นแค่ระยะสั้นก็ตาม อีกทั้งบริษัทจดทะเบียนต่างก็ออกโครงการซื้อหุ้นคืนกันหลายบริษัท รวมถึงกองทุนออกทริกเกอร์ ฟันด์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าราคาหุ้นต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทำให้น่าจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาได้ แต่สถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังไม่มีความแน่นอน ดังนั้น จึงเป็นแค่การช่วยพยุงเท่านั้น
ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ ขึ้นอยู่กับการแก้ไขปัญหาของแต่ละประเทศ พร้อมให้แนวรับ 1,000-970 จุด ส่วนแนวต้าน 1,070 ถัดไป 1,090-1,100 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (17 มี.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,237.38 จุด พุ่งขึ้น 1,048.86 จุด (+5.20%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,529.19 จุด เพิ่มขึ้น 143.06 จุด (+6.00%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,334.78 จุด เพิ่มขึ้น 430.19 จุด (+6.23%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 142.55 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 12.68 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 240.39 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 13.68 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 14.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 18.00 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.15 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (17 มี.ค.63) 1,035.17 จุด ลดลง 10.91 จุด (-1.04%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 5,423.84 ล้านบาท เมื่อวันที่ 17 มี.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (17 มี.ค.63) ปิดที่ 26.95 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.75 ดอลลาร์ หรือ 6.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (17 มี.ค.) อยู่ที่ -2.47 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.18 แข็งค่าจากวานนี้เล็กน้อย แต่แนวโน้มอ่อนค่า จับตา Fund Flow มองกรอบวันนี้ 32.05-32.25
- "แบงก์ชาติ" ลุยฉีดเงินเข้าตลาดบอนด์ พร้อมอัดเงินดอลลาร์สู่ระบบเพิ่ม ผ่านการซื้อบอนด์ระยะสั้น-ยาว รวมกว่า 3.5 หมื่นล้านบาท หวังป้องปัญหาสภาพคล่องตึงตัว ย้ำเกาะติดสถานการณ์ใกล้ชิด ด้าน "ไทยบีเอ็มเอ" ชี้ต่างชาติ เทขายบอนด์หนัก ทำสภาพคล่องตึงตัว เผยตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค. ขายสุทธิกว่า 6.1 หมื่นล้าน ขณะ "นักเศรษฐศาสตร์" คาดสถาบันทิ้งบอนด์ หันถือเงินสด หวังลดความเสี่ยงการลงทุน จากพิษเศรษฐกิจชะลอ ด้าน "สำนักวิจัย" พาเหรดหั่น "จีดีพี" ล่าสุด "วิจัยกรุงศรี" ปรับเป็นหดตัว 0.8%
- นายกฯสั่งเตรียมพร้อมโควิดระยะ 3 ครม.เคาะปิดโรงเรียน-สนามกีฬา-สถานบันเทิง 14 วัน เลื่อนวันหยุดสงกรานต์ ลดค่าน้ำค่าไฟ 3% ไฟเขียวงบกลาง รับมือ 9 พันล้านบาท สั่งคลังรีบทำมาตรการเศรษฐกิจเพิ่ม "โรงเบียร์-โรงหนัง" ศูนย์แสดงสินค้า ขานรับมติ ครม. ขอให้ "ชัดเจน" คุมระบาดได้
- "สมคิด"-"สุริยะ" เรียกหารือบิ๊กผู้ผลิตสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ วันนี้ (18 มี.ค.) ระดมสมองหามาตรการรองรับการแพร่ระบาดโควิด-19 เข้าสู่ระยะ 3 หรือการต้องปิดเมือง "พาณิชย์"เผย "แพนิกช็อปปิ้ง" ทำให้สินค้าขาดช่วงบ้าง เหตุคนซื้อพร้อมกัน ยันสินค้ามีเพียงพอ ไทยผลิตได้เอง
- "บอร์ด" ตลาดหลักทรัพย์ประชุมฉุกเฉินปรับเกณฑ์หยุดพักการซื้อขายแบ่ง "3 ระดับ" 8%,15% และ 20% พัก 30-60 นาที พร้อมลดเกณฑ์ "ซีลลิ่ง-ฟลอร์" หุ้นรายตัวเหลือ 15% จากเดิม 30% หวังลดความผันผวนตลาดหุ้นไทย ด้าน "วงการตลาดทุน" ประสานเสียงเห็นด้วย เหตุตลาดหุ้นทั่วโลกแกว่งตัวแรง นักลงทุนตื่นตระหนกจากข่าวการแพร่ระบาดของ โควิด-19
- หุ้นรูดไม่หยุด บริษัทจดทะเบียนแห่ตั้งโต๊ะซื้อหุ้นคืนหวังพยุงราคา ดึงเชื่อมั่นนักลงทุน โบรกฯชี้ช่วยไม่ได้มาก แนะนักลงทุนเงินเย็นช้อนซื้อของถูกมีปันผล ให้ผลตอบแทนสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล เชื่อโควิด-19 จบ ดัชนีพุ่งติดจรวด
*หุ้นเด่นวันนี้
- TFG (เคจีไอ) "ซื้อ"เป้า 4.4 บาท ปรับลดประมาณการฯปี 2563 ลง -2.1% (แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำเกินคาด) แต่ปรับเพิ่มประมาณการฯปี 2564 +5.2% สะท้อนราคาสินค้าที่ยังคงสูงต่อเนื่อง
- TU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 17.5 บาท ได้ Sentiment บวกค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ US dollar และ Euro คาด TU ได้ประโยชน์มากสุด เพราะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกมากที่สุดของกลุ่มคิดเป็น 75% ของรายได้รวม วันนี้มี Setiment บวกจากบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 200 ล้านหุ้นมูลค่า 3 พันล้านบาท ขณะที่กองทุนประกันสงคมเก็บหุ้นเพิ่มอีก 0.025% เป็น 5.014%
- GPSC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 70 บาท ราคาหุ้นร่วงแรงกว่า 50% จากจุดสูงสุดปลาย ม.ค. เพราะกังวลว่าโควิด-19 จะกระทบการใช้ไฟของลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสัดส่วน 55% มากสุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ในตลาดฯ (รองลงไปเป็น BGRIM 25% และ GULF 11%) ทั้งนี้ลูกค้าราวครึ่งหนึ่งเป็นกลุ่ม PTT ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเคมี ซึ่งบริษัทได้สำรวจการใช้ไฟอย่างใกล้ชิด และ 2 เดือนที่ผ่านมายังรักษาระดับการผลิตได้ รวมทั้งรัฐลดค่าไฟ 3% กระทบจำกัด ส่วนปริมาณน้ำยังบริหารจัดการได้ ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว ปัจจุบันมี PBV เพียง 1.3 เท่า