หุ้น MAJOR ราคาร่วงลง 7.75% มาอยู่ที่ 13.10 บาท ลดลง 1.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.73 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.29 น. โดยเปิดตลาดที่ 13.90 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 14.00 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 12.90 บาท
บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) หยุดให้บริการโรงภาพยนตร์ทุกโรงทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดตั้งแต่วันนี้จนถึงสิ้นเดือน เพื่อสนองนโยบายภาครัฐที่ต้องการให้ประชาชนปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้การหยุดให้บริการดังกล่าว ส่งผลกระทบกับ MAJOR ไม่มากนัก เพราะโรงภาพยนตร์ราว 70% MAJOR จ่ายค่าเช่าตามสัดส่วนรายได้จากการขายตั๋วภาพยนตร์ ขณะที่ 30% ของโรงภาพยนตร์มีอัตราค่าเช่าขั้นต่ำ หรือ minimum guarantee
อย่างไรก็ตาม MAJOR สามารถเจรจาไม่จ่ายค่าเช่าในสถานการณ์เช่นนี้ โดย MAJOR มีค่าใช้จ่ายหลักคือ เงินเดือนพนักงาน ซึ่งอยู่ที่ราว 60 ล้านบาท ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน MAJOR ได้ปลดพนักงาน parttime ทั้งหมดออกไปก่อนชั่วคราว ซึ่งจะประหยัดเงินเดือนได้ราว 20 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของเงินดือน 40 ล้านบาท พนักงานทุกคนยินดีให้ความร่วมมือลดเงินเดือนชั่วคราว เพื่อประหยัดรายจ่าย
นอกจากนี้ MAJOR ได้หยุดงบลงทุนการเปิดสาขาในปีนี้ออกไปก่อนจนกว่าสถานการณ์จะกลับสู่ปกติ ทั้งนี้ ในกรณีเลวร้ายสุด MAJOR จะมีขาดทุนราว 32 ล้านบาทต่อเดือน (หลังหัก Deferred Tax Expenses 20%)
ทั้งนี้ รอ update สถานการณ์โควิด-19 ก่อนทบทวนประมาณการกำไรปี 2563 อย่างไรก็ตาม MAJOR เป็นบริษัทที่มีสภาพคล่องเหลือเยอะ โดยมีสัดส่วนหนี้มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเพียง 0.5 เท่า ผู้บริหารมั่นใจจะสามารถจ่ายเงินปันผลงวด H1/63 จากกำไรสะสมได้ ทั้งนี้ประเมินเบื้องต้น กำไรสุทธิปี 2563 อยู่ที่ 500 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 0.56 บาท อิง PER 25 เท่า มูลค่าพื้นฐานเบื้องต้นปีนี้อยู่ที่ 14 บาท ขณะที่ผลตอบแทนเงินปันผลปีนี้ไม่ต่ำกว่า 6% อย่างไรก็ตามหากปีหน้า สถานการณ์กลับมาสู่ปกติ มูลค่าพื้นฐานปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเท่าตัวมาอยู่ที่ 28 บาท แนะนำ "ถือ" เพื่อรับเงินปันผล และรอสถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ