นายบุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป (ZEN) เปิดเผยว่า บริษัทอาจจะต้องทบทวนเป้าหมายยอดขายในปีนี้อีกครั้งจากล่าสุดที่ปรับลดลงมาเหลือเติบโต 5-10% แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปีคาดว่าจะเติบโต 20% โดยบริษัทอยู่ระหว่างการประเมินผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย หากยืดเยื้อไปถึงช่วงครึ่งปีหลังอาจจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายดังกล่าว แต่หากการแพร่ระบาดสิ้นสุดลงภายในนครึ่งปีแรกก็เชื่อว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย
บริษัทยอมรับว่าขณะนี้ร้านอาหารในเครือได้รับผลกระทบจากลูกค้าเข้ามาใช้บริการทานอาหารในร้านลดลงอย่างมาก ซึ่งเป็นไปตามการลดลงของจำนวนผู้เข้าใช้บริการศูนย์การค้าที่ร้านดังกล่าวตั้งอยู่ เนื่องจากร้านอาหารของบริษัทส่วนใหญ่มีสาขาอยู่ในศูนย์การค้าเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับกลยุทธ์หันมาเพิ่มยอดขายผ่านช่องทางดิลิเวอรี่มากขึ้นด้วยการทำโปรโมชั่นร่วมกับพันธมิตร เช่น GRAB LINEMAN และ FOOD PANDA เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วงนี้หันมาสั่งอาหารไปทานที่บ้านผ่านแอปพลิเคชั่นมากขึ้น โดยในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมายอดขายผ่านดิลิเวอร์รี่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15-20 ล้านบาท/เดือน เห็นผลของพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้นชัดเจน และคาดว่าสัดส่วนยอดขายผ่านดิลิเวอรี่ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 10% จากเดิมอยู่ที่ 7%
นอกจากนั้น บริษัทจะชะลอการขยายสาขาของแบรนด์ในเครือในช่วงนี้ออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หากคลี่คลายแล้วจะกลับมาขยายสาขาอีกครั้ง คาดว่าจะอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยจะเน้นไปที่การขยายสาขาแบรนด์อาหารญี่ปุ่น โดยเฉพาะ AKA ให้เข้าถึงลูกค้าในหลายพื้นที่มากขึ้น หลังจากได้รับความนิยมมากขึ้น พร้อมกับการขยายสาขาแบรนด์ เขียง ในรูปแบบ Master Franchise ไปในต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งครอบคลุมทั้งกลุ่มลูกค้าที่ทานที่ร้านและเดลิเวอรี่ มองว่าเป็นโอกาสในการขยายตลาดในปีนี้
บริษัทได้มีการทบทวนปรับลดลงงบลงทุนขยายสาขาลงเหลือ 100-150 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 150-200 สาขา เนื่องจากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 กระทบต่อการขายในช่วง 6 เดือนแรก ทำให้บริษัทชะลอการขยายสาขาออกไปและลดจำนวนลดลง โดยจะปรับเปลี่ยนงบลงทุนบางส่วนมาใช้ปรับปรุงสาขาเดิมแทนเพื่อเตรียมความพร้อมหากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งบริษัทใช้งบปรับปรุงสาขาราว 6-8 ล้านบาท/สาขา
นอกจากนี้ บริษัทยังต้องควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ดีมากขึ้น จากการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ รวมไปถึงการที่บริษัทชะลอการจ้างพนักงานเพิ่มในช่วงนี้ โดยใช้การบริหารจัดการในกรณีที่หากมีสาขาของแบรนด์ในเครือพนักงานไม่เพียงพอก็จะให้พนักงานที่อยู่สาขาใกล้เคียงไปปฎิบัติงานในสาขาของแบรนด์นั้นๆ แทน ซึ่งบริษัทได้มีการฝึกให้พนักงานของแบรนด์ร้านอาหารในเครือทั้งหมดสามารถทำงานทดแทนกันได้