นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลง ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบราว 3% ขึ้นไป เช่นเดียวกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่เช้านี้ติดลบราว 3% รับผลกระทบจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มากขึ้น และยังเผชิญผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจด้วย รวมถึงวิตกมาตรการเยียวยาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจมีความล่าช้า
ส่วนบ้านเราตลาดยังมีความผันผวนอยู่ เนื่องจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังน่าเป็นห่วง หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อมีอัตราเร่งตัวขึ้น และคนที่อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ทยอยกลับภูมิลำเนาไปยังต่างจังหวัดอาจสร้างปัญหาต่อไปได้
อย่างไรก็ดี วันนี้ให้ติดตามตัวเลขส่งออกของไทยเดือนก.พ. ซึ่งตลาดคาดการณ์ตัวเลขส่งออก -11% และให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อไป
พร้อมให้แนวรับ 1,090-1,070 จุด ส่วนแนวต้าน 1,150-1,165 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (20 มี.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,173.98 จุด ร่วงลง 913.21 จุด (-4.55%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,304.92 จุด ลดลง 104.47 จุด (-4.34%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,879.52 จุด ลดลง 271.06 จุด (-3.79%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 17.74 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 68.03 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 1,145.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 208.54 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 91.70 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 136.36 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 53.78 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (20 มี.ค.63) 1,127.24 จุด เพิ่มขึ้น 83.05 จุด (+7.95%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 8,915.53 ล้านบาท เมื่อวันที่ 20 มี.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (20 มี.ค.63) ปิดที่ 22.53 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.69 ดอลลาร์ หรือ 10.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (20 มี.ค.) อยู่ที่ -0.31 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.80/86 แนวโน้มอ่อนค่า มีโอกาสแตะ 33.00 หลังมีเงินไหลออก
- ธปท. งัด 3 มาตรการดูแลตลาดบอนด์ ป้องนักลงทุนแห่ไถ่ถอน หน่วยลงทุน ไฟเขียว "แบงก์" เข้าซื้อ 1 ล้านล้านบาทนำมาเป็นหลักประกันขอสภาพคล่องได้ ตั้ง "กองทุนเสริมสภาพคล่อง" เข้าซื้อ "หุ้นกู้" คุณภาพดี ขณะ ธปท.ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องในตลาดบอนด์เต็มที่ ด้าน ก.ล.ต.จ่อปลดล็อกเงื่อนไขห้ามซื้อหุ้นคืนเพิ่มภายใน 1 ปีหลังจบโครงการ "คลัง" เล็งฟื้นแผนแจกเงินช่วยแรงงาน ที่เดือดร้อนจากพิษโควิด
- ส.อ.ท.เกาะติดโควิด-19 เริ่มส่งผลให้ทั้งคนไทยและต่างชาติแห่ตุนสินค้าอุปโภค บริโภค มีคำสั่งซื้อเข้ามามากขึ้นต่อเนื่อง เร่งทุกส่วนรับมือสร้างสมดุลให้เพียงพอ ลั่นคนไทยโชคดีที่มีภาคเกษตรสมบูรณ์ ทำให้ไม่ต้องกลัวอาหารจะไม่พอ รับหวั่นภัยแล้งฉุดปริมาณการผลิต ปีนี้ลด 20-30%
- กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเดินหน้าแก้ปัญหาอุปสรรคส่งออกผลไม้ตลาดอินโดนีเซีย เร่งทำข้อตกลงยอมรับร่วม หวังเปิดตลาดให้ผลไม้ไทย ทั้งลำไย ทุเรียน รองรับผลผลิตที่กำลังออกสู่ตลาด
- 'ศักดิ์สยาม' สั่งศึกษาท่าเรือเชื่อมอ่าวไทย-อันดามัน กรมเจ้าท่าอัดงบฯ โครงการ 'ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2' และ 'ท่าเรือปัตตานี' รวมทั้งศึกษาแผนพัฒนาท่าเรือสินค้า-ท่าเรือท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ชุมพร และระนอง
*หุ้นเด่นวันนี้
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 25.25 บาท แม้จะถูกกระทบจาก COVID-19 เพราะมีสัดส่วนรายได้จากต่างชาติราว 30% แต่ราคาหุ้นปรับลงเกือบ 40% YTD สะท้อนปัจจัยลบมากเกินไป ก่อนหน้านี้ได้ปรับกำไรปกติปี 2563 ลงเป็น 9.75 พันล้านบาท -3% Y-Y แม้จะลดลงแต่เป็นกำไรที่แข็งแกร่งมาก และไม่กดดันแม้ซื้อ BH 100% (แต่เชื่อว่าไม่ได้) ทั้งนี้ ความสามารถในการทำกำไรสูงต่อเนื่องทั้ง Gross, EBITDA และ Net margins ดีขึ้นตลอด ฐานะการเงินแกร่ง Net D/E 0.5 เท่า วงจรเงินสดสั้นเพียง 11 วัน
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 88 บาท ได้อานิสงส์ประชาชนแห่กักตุนสินค้าหนุนยอดขาย CPALL และ MAKRO (ถือหุ้น 38%) เพิ่มขึ้น และคาดว่า CPALL จะได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ (คืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 21 ล้านครัวเรือนมูลค่า 30,000 ล้านบาท) เนื่องจากมีสาขากระจาย ครอบคลุมทุกพื้นที่ของประเทศ