นายปิยวัชร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บมจ.ดู เดย์ ดรีม (DDD) กล่าวว่า บริษัทคาดหวังจะสามารถพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปีนี้ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 53.79 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ซึ่งจะปรับมาเน้นการทำการตลาดโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านสื่อออนไลน์มากขึ้น เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าสื่อประเภทอื่น รวมทั้งเป็นการสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องทำงานอยู่บ้านและใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ทำให้บริษัทเชื่อว่าเป็นกลยุทธ์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ขณะที่ บริษัทจะเลื่อนการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปก่อนในช่วง 1-2 เดือนนี้ ทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนั้น ในปีนี้บริษัทจะนำกลยุทธ์ศูนย์กระจายสินค้ากลับมาใช้อีกครั้ง เพื่อกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยมองว่า traditional trade น่าจะมีอัตราการเติบโตอีกมาก เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นปกติ ขณะเดียวกันก็จะเน้นการขายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าสะดวกซื้อ ซึ่งบริษัทได้ออกสินค้าที่เหมาะกับร้านสะดวกซื้อมากขึ้น โดยเฉพาะร้านเซเว่น อีเลฟเว่น (7-Eleven) ซึ่งยังเปิให้บริการตามปกติในช่วงนี้ ทำให้เชื่อมั่นว่าสินค้าเดิมก็น่าจะยังคงขายได้อย่างต่อเนื่อง และก็จะมีการเพิ่มสินค้าใหม่เข้าไปด้วย
ส่วนธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์ในปีที่ผ่านมายังคงทำยอดขายได้ดี และในปีนี้ก็คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากการขายผ่านร้านค้ามากขึ้น ขณะที่ก็มีแผนนำแบรนด์ Oxecute ขยายไปยังฟิลิปปินส์ด้วย จากเดิมที่ขายเฉพาะในประเทศ ซึ่งจะใช้กลยุทธ์เดียวกันกับแบรนด์ Snail white ที่ขายอยู่ในปัจจุบัน คาดว่าจะได้รับผลตอบรับที่ดี
แต่อย่างไรก็ตาม ฟิลิปปินส์ก็ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นกัน ซึ่งการโปรโมทผลิตภัณฑ์ใหม่ในระยะแรกก็อาจจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่เนื่องด้วยประชากรของฟิลิปปินส์มีค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่ากำลังซื้อน่าจะยังมีอยู่ และการขายผ่านออนไลน์ก็ยังทำได้ค่อนข้างดี เชื่อว่าจะช่วยสนับสนุนภาพรวมของยอดขายได้
พร้อมกันนั้น บริษัทคาดว่าจะรับรู้ผลการดำเนินงานของ บริษัท คิวรอน จำกัด (KURON) และบริษัท อเล็กซี่เทรนนิ่ง แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด (ALEXI) ซึ่งบริษัทถือหุ้น 76% ตั้งแต่เดือน มี.ค.63 โดยในปีที่ผ่านมา KURON มีรายได้เติบโต 800-1,000 ล้านบาท และมีกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการรวมงบการเงินดังกล่าวเข้ามาน่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทั้งยอดขายและกำไร
นายปิยวัชร กล่าวอีกว่า แผนการดำเนินงานหลังจากร่วมมือกับ KURON บริษัทจะใช้ความเชี่ยวชาญจาก KURON ในการขายออนไลน์เพื่อกระจายสินค้าของบริษัทเข้าไปมากขึ้น คาดว่าจะเห็นผลชัดเจนได้ในครึ่งปีหลังนี้
"เราจะพยายามรักษาการทำกำไรของ Snail white ไปให้ได้ และ KURON เองก็น่าจะยังมีกำไรอยู่ แม้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้มีการเลื่อนการออกสินค้าออกไป ทำให้เราคาดว่าปีนี้ KURON รายได้น่าจะใกล้เคียงเดิม หรือเติบโตเล็กน้อย และถ้าเป็นไปตามคาด และเราสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ เราก็หวังว่าจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิให้ได้ภายในปีนี้"นายปิยวัชร กล่าว
อนึ่ง KURON ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ดูแลผมและผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก ได้แก่ แบรนด์ LESASHA อุปกรณ์จัดแต่งทรงผม และยาสีฟัน SPARKLE เป็นต้น
ส่วนสถานการณ์การขายในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-มี.ค.63) บริษัทยอมรับว่าในเดือนก.พ.-มี.ค.63 ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ค่อนข้างมาก เนื่องด้วยกำลังซื้อที่ปรับตัวลดลงทั้งในประเทศและต่างประเทศ ขณะเดียวกันมาตรการที่ปิดร้านค้าทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมไปถึงในจังหวัดต่างๆ ก็น่าจะส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างแน่นอน โดยบริษัทจะเน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายให้ลดลงกว่าปีก่อน