(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามตลาดภูมิภาคหลังเฟดทำ QE ไม่จำกัดวงเงิน รับมือโควิด-19/จับตาผลประชุมครม.วันนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 24, 2020 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นหลังจากที่ร่วงแรงเมื่อวานนี้ เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้น 2-6% หลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศอัดฉีดสภาพคล่องด้วยมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ไม่จำกัดวงเงิน และไม่จำกัดเวลา จนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้น พร้อมทั้งสามารถซื้อหุ้นกู้ของภาคเอกชนได้ด้วย รวมถึงจะเข้าซื้อกองทุน ETFs เพื่อหนุนสภาพคล่องให้กับตลาดฯ ส่งผลให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่าลง และราคาน้ำมันก็ฟื้นตัวขึ้น จึงคาดว่าจะมาช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานให้ฟื้นตัวขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดฯกำลังรอมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจจากผลกระทบไวรัสโควิด-19 จำนวน 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในการพิจารณา หากผ่านจะช่วยหนุนภาคธุรกิจได้

ส่วนบ้านเราวันนี้ให้ติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยให้จับตามาตรการพยุงเศรษฐกิจ, มาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 รวมถึงจับตาจะมีการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดหรือไม่

พร้อมให้แนวรับ 1,000 จุด ส่วนแนวต้าน 1,065-1,070 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (23 มี.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,591.93 จุด ร่วงลง 582.05 จุด (-3.04%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,860.67 จุด ลดลง 18.84 จุด (-0.27%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,237.40 จุด ลดลง 67.52 จุด (-2.93%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 319.10 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 42.85 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 801.44 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 193.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 41.23 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 59.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 11.46 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 มี.ค.63) 1,024.46 จุด ลดลง 102.78 จุด (-9.12%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,252.07 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 มี.ค.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน เม.ย. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (23 มี.ค.63) ปิดที่ 23.36 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 73 เซนต์ หรือ 3.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (23 มี.ค.) อยู่ที่ -0.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.87 แข็งค่าจากวานนี้ มองกรอบ 32.70 - 33.00 จับตามาตรการป้องกันโควิด-19 เพิ่มเติม
  • "คลัง" เล็งออก "พ.ร.ก.กู้เงินฉุกเฉิน" ใช้เป็นแหล่งเงินเยียวยาลดกระทบ "โควิด-19" หลังประเมินแหล่งเงินที่มีอาจไม่เพียงพอ ด้านกสทช.ชงครม.วันนี้ ช่วยเหลือประชาชนใช้เน็ตมือถือเพิ่มเป็น 10GB เน็ตบ้านอัพสปีดให้เป็น 100 Mbps
  • นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการระบาดของโรคโควิด-19 ขอให้ความมั่นใจว่าธนาคารจะสามารถให้บริการลูกค้าและผู้มาใช้บริการของธนาคารตามปกติในทุกช่องทาง โดยเฉพาะบริการหลัก อาทิ การรับฝากเงิน การถอนเงิน การโอนเงิน และบริการสินเชื่อต่าง ๆ รวมถึงการช่วยเหลือลูกค้าเพื่อเสริมสภาพคล่อง ในส่วนของการให้บริการเงินสดสำหรับลูกค้าที่มีความจำป็นต้องใช้เงินสด ทุกธนาคารมีการเตรียมเงินสดเพื่อรองรับให้เพียงพอทุกช่องทาง
  • นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้กระทรวงพลังงานต้องเลื่อนการเปิดให้เอกชนยื่นขอสิทธิและสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ (ครั้งที่ 23) บริเวณอ่าวไทยออกไปอย่างไม่มีกำหนดจากเดิมที่จะเปิดในช่วงเมษายน 2563 เพราะขณะนี้บริษัทต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาร่วมยื่นขอสำรวจได้ อีกทั้งราคาน้ำมันโลกอยู่ในภาวะตกต่ำ การเปิดประมูลช่วงนี้อาจไม่เหมาะสมเพราะจะกระทบรายได้ของรัฐโดยการเปิดคงจะต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์โควิด-19 ว่าจะสรุปได้เมื่อใด
  • คลัง เปิดยอดจัดเก็บรายได้ 5 เดือน ปีงบประมาณ 2563 อยู่ที่ 9.85 แสนล้านบาท เกินเป้าหมาย 6.77 พันล้านบาท อานิสงส์รัฐวิสาหกิจหน่วยงานอื่น-กรมสรรพากรเร่งเครื่องจัดเก็บ พร้อมโชว์ฐานะคลังแน่น 1 ล้านล้านบาท เงินคงคลังทะลัก 3.42 แสนล้านบาท
  • กบน.ปรับลดอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน-ก๊าซแอลพีจี นาน 3 เดือนหวังช่วยบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • พิษโควิดกระทบเศรษฐกิจไทย-โลกชะลอตัว ฉุดส่งออกไทยเดือน ก.พ.63 มีมูลค่า 20,641.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 4.47% คาดยังชะลอตัวต่อเนื่อง คาดทั้งปีขยายตัว 0%

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TU (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 17.5 บาท ได้ Sentiment บวกค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงิน Dollar และ Euro เพราะ TU มีรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวมและส่วนใหญ่ส่งออกไปในกลุ่มประเทศในยุโรป ทุก ๆ 1 บาทที่เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ Euro จะเพิ่มกำไรให้กับ TU ประมาณ 600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากข่าวบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 200 ล้านหุ้นมูลค่า 3 พันล้านบาท
  • ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ปรับลดคาดการณ์รายได้ปีนี้ลงเป็นทรงตัวจากปีก่อน (เดิมคาด +3%) และปรับผลของคลื่นความถี่ 5G ที่ประมูลได้ในประมาณการ ทำให้กำไรปกติปี 2563 ถูกปรับลง 15% เป็น 2.97 หมื่นล้านบาท -5% Y-Y ราคาเป้าหมายถูกปรับลงเป็น 230 บาทจากเดิม 260 บาท อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของรายได้และกำไรยังน้อยกว่ากลุ่มอื่น และคิดว่า ADVANC เป็นแหล่งพักเงินได้ในช่วงนี้ เพราะมีความ defensive และเป็นธุรกิจที่ได้ประโยชน์จาก Work from home

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ