นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน (PYLON) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญางานฐานรากของหน่วยงานการศึกษา ที่มีมูลค่า 100 ล้านบาท โดยจะมีการลงนามในสัญญาสัปดาห์หน้า โดยโครงการดังกล่าวจะรับรู้ในไตรมาส 2 ปีนี้ นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการยื่นประมูลโครงการ 10 โครงการ รวมมูลค่า 400-500 ล้านบาท ซึ่งเป็นทั้งงานภาครัฐและเอกชน
ขณะนี้ บริษัทมีงานในมือ(Backlog) ที่รอรับรู้รายได้แล้ว 400 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้ฯตั้งแต่ไตรมาส 3/51 ซึ่งหากเป็นไปตามแผนที่วางไว้จะทำให้รายได้ของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยตั้งเป้ารายได้รวมปีนี้เติบโต 40% มาที่ 550 ล้านบาท จาก 400 ล้านบาทในปี 50
"จากงานที่เรามีงานเพิ่มขึ้นและหันมารับงานภาคเอกชนที่เริ่มฟื้นตัว ทำให้รายได้น่าจะปรับตัวได้ดีกว่าปีก่อน และลึกๆ ในใจก็หวังว่ารายได้คงจะมากกว่าที่วางไว้ ขณะที่กำไรก็จะเติบโตสอดคล้องกับรายได้ที่มากขึ้น" นายบดินทร์ กล่าว
ในปีนี้บริษัทจะพยายามรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไม่ให้ต่ำกว่า 15% หรือมากกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 16% ด้วยการขยายตลาด ซึ่งจะทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยในส่วนของกำลังการผลิตเสาเข็มจากเครื่องจักรที่ใช้อยู่ทั้งหมด 14 ชุด คาดว่าจะปรับเพิ่มกำลังผลิตในปีนี้ขึ้นอีก 10% ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะรองรับงานโครงการเมกะโปรเจ็คต์ด้วย
นายบดินทร์ กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนงานภาคเอกชนเป็น 60% จาก 50% ในปีก่อน เนื่องจากปัญหาการเมืองคลี่คลาย และส่งผลให้เกิดการลงทุน ขณะนี้เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนของเอกชน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของต้นทุนทั้งในเรื่องราคาเหล็กที่ปรับเพิ่มเป็น 30 บาท/กก.จาก 19-20 บาท/กก.และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ต้นทุนเฉลี่ยโดยรวมเพิ่มขึ้น 7-8% แต่บริษัทได้ทยอยปรับราคาขายไปแล้วราว 6-7% ตั้งแต่ต้นปี เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น
"จากการที่บริษัทดำเนินธุรกิจฐานราก ซึ่งเป็นงานระยะสั้น 3 เดือน ทำให้ปัจจัยความผันผวนของราคาเหล็กมีน้อย ทำให้ล็อค ราคาเหล็กได้เลย แต่สิ่งที่ผันผวนอยู่ที่ราคาน้ำมันมากกว่า"นายบดินทร์ กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--