นายกิตติพงศ์ กนกวิไลรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) จังหวัดในเขตปริมณฑล และจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ได้ประกาศให้มีการปิดศูนย์การค้าระหว่างวันที่ 22 มี.ค.-12 เม.ย.63 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้น แม้บริษัทไม่ได้รับผลกระทบทางตรง เนื่องจากปัจจุบันมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด และการขายแบบ Direct Sale มีร้านสาขาทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กรวมกันกว่า 1,115 สาขา ครอบคลุม 763 ตำบล จาก 475 อำเภอทั่วประเทศ อีกทั้งการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานและการอนุมัติสินเชื่อ ทำให้ยังสามารถทำงานได้ตามปกติอย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ เนื่องจากจุดแข็งของบริษัท คือการมีเครือข่ายตัวแทนขายที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ และร้านค้าที่ลงลึกระดับตำบล เป็นช่องทางการนำเสนอบริการและสินค้าไปยังกลุ่มลูกค้าจำนวนมาก แม้จะมีคำสั่งและมาตรการเข้มงวดเพื่อระงับการแพร่กระจายของโควิด-19 แต่ไม่กระทบกับการเดินหน้าผลักดันยอดขายของทีมขายซิงเกอร์ ที่ยังสามารถเสนอขายสินค้า และทำสัญญาได้ด้วยกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ที่บริษัทได้วางแผนรองรับไว้อย่างรัดกุม โดยประเมินยอดขายแอร์ปีนี้คาดจะทุบสถิติ จากอากาศร้อนในช่วงเดือนเม.ย. และการรักษาระยะห่างทางสังคม ทำให้ประชาชนเก็บตัวอยู่บ้านมากขึ้น เสริมความต้องการสินค้าแอร์มีแนวโน้มการเติบโตที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับสินค้าในกลุ่ม
นอกจากนี้ ในส่วนของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ "รถทำเงิน" นั้น บริษัทมีความมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มฐานลูกค้าได้จำนวนมาก จากเหตุการณ์ปัจจุบัน หากลูกค้ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินสามารถติดต่อเข้ามายังพนักงานขายสินเชื่อของซิงเกอร์ได้ตามปกติ ไม่มีการหยุดชะงัก รวมถึงลูกค้าหรือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศมาตรการต่าง ๆ ทำให้ต้องหยุดงานไม่มีรายได้ สามารถมีอาชีพทดแทน หารายได้ให้กับตนเองและดูแลครอบครัวได้ ด้วยการสมัครเข้าเป็นเครือข่ายขายสินค้าซิงเกอร์โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนแม้แต่บาทเดียวได้อีกด้วย
รวมถึงการผนึกกำลังร่วมกันภายในกลุ่มเจมาร์ท นำเสนอสินค้าโทรศัพท์มือถือ สินค้าไอที และเทคโนโลยีของเจมาร์ท โมบาย พร้อมด้วยการจับมือกับ เจพี ประกันภัยนำแผนประกันภัยใหม่ล่าสุด ประกันโควิด-19 เสนอต่อลูกค้าในช่วงเวลาที่มีความต้องการประกันจำนวนมากในสถานการณ์เช่นนี้ จึงสร้างความมั่นใจได้อย่างดีว่าบริษัทจะสามารถยืนหยัดและเดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง
นายกิตติพงศ์ กล่าวว่า แม้กำลังซื้อจะลดลง แต่ซิงเกอร์มีโมเดลธุรกิจที่โดดเด่นในการกระจายความเสี่ยงหลากหลายช่องทาง และมีกลุ่มบมจ.เจ มาร์ท (JMART) เป็นพันธมิตรหลัก ควบคู่กำหนดนโยบายการปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบก็เชื่อว่าจะผลักดันผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย
ณ สิ้นปี 62 มีพอร์ตสินเชื่อรวม 3,600 ล้านบาท เป็นพอร์ตสินเชื่อรถทำเงิน (car for cash) อยู่ที่ราว 1,500 ล้านบาท และตั้งเป้าปี 2563 พอร์ตสินเชื่อรวมจะอยู่ที่ประมาณ 5,800 ล้านบาท เป็นพอร์ตสินเชื่อรถทำเงินอยู่ที่ราว 3,200 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนเกินกว่า 50% ของพอร์ตรวม เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีโอกาสโต และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่ำไม่ถึง 1% จากการเพิ่มสาขาและทีมขายรถทำเงินโดยเฉพาะ จากเดิมมี 90 คน เป็น 180 คน รวมทั้ง ออกผลิตภัณฑ์การเงินรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์สถานการณ์ในปัจจุบัน คาดสิ้นปี ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อรถทำเงินจะชัดเจนขึ้นได้ตามเป้าหมาย พร้อมคุมภาพรวม NPL ให้อยู่ระดับ 7% จากปี 62 อยู่ที่ 9.4% ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบ 3 ปี