นายภิภพ วาสนาอาชาสกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) เปิดเผยว่า รายได้ปีนี้อาจจะไม่เติบโต เมื่อเทียบกับระดับ 2.9 หมื่นล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากมีการปิดร้านค้าชั่วคราวตามมาตรการของภาครัฐ จากเหตุการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยปัจจุบันปิดร้านค้าไปแล้ว 37 สาขา และในวันพรุ่งนี้ (25 มี.ค.63) จะปิดเพิ่มอีก 2 สาขา จากที่มีอยู่ทั้งหมด 66 สาขา และอยู่ระหว่างติดตามมาตรการภาครัฐที่จะออกมาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ จากสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลทำให้อัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในปัจจุบันปรับตัวลงเล็กน้อย ขณะที่ทั้งปียังไม่สามารถประเมินได้ ซึ่งต้องรอดูว่าสถานการณ์จะลากยาวไปจนถึงสิ้นปีหรือไม่ หากลากยาวออกไปก็น่าจะทำให้ SSSG ติดลบในอัตราที่สูง ขณะเดียวกันหากภาครัฐสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ก็น่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากดีมานด์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามแม้ว่ายอดขายจะลดลง แต่บริษัทฯ ยังพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ให้ต่ำกว่าปีก่อน จากปีก่อนอยู่ที่ 20.45% จากการผลักดันการขายสินค้า house brand มากขึ้น
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 มองว่าในเดือนม.ค.-ก.พ.63 ยอดขายยังเติบโตดีอยู่ แต่ใน 2 สัปดาห์สุดท้ายของเดือนมี.ค.63 ได้รับผลกระทบจากการปิดร้านค้าตามมาตรการภาครัฐ
นายภิภพ กล่าวว่า ส่วนกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการขายผ่านออนไลน์มากขึ้น และรับคำสั่งซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ และนำไปส่งให้กับลูกค้า โดยจะไม่มีการเปิดหน้าร้าน ทำให้คาดว่ายอดขายผ่านออนไลน์ในปีนี้น่าจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากปีก่อนที่มีการเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 น่าจะทำให้ลูกค้าหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น
ขณะที่ในปีนี้บริษัทฯ ก็มีแผนเปิดสาขาในประเทศไทยเพิ่มอีก 7 สาขา จากสิ้นปี 62 อยู่ที่ 66 สาขา คาดใช้เงินลงทุนราว 400 ล้านบาท/สาขา ส่วนสาขาในต่างประเทศคาดเปิดเพิ่มอีก แบ่งเป็น ลาว จำนวน 1 สาขา ในเมียนมา 1-2 สาขา และกัมพูชาอีก 1 สาขา
"รายได้ปีนี้คงจะเติบโตลำบาก เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากมีการปิดสาขา โดยในช่วงนี้เราก็มีการเน้นการขายผ่านออนไลน์เป็นหลัก"นายภิภพ กล่าว