(เพิ่มเติม) ASL เตรียมล้างขาดทุนสะสมทั้ง 106 ลบ.หาก H1/51 มีกำไรเพียงพอ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 12, 2008 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสุรพล ขวัญใจธัญญา รองประธานกรรมการบริหาร บล.แอ๊ดคินซัน (ASL) เตรียมพิจารณาล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ทั้งหมด 106 ล้านบาท หากช่วงครึ่งปีแรกมีกำไรมากพอ ซึ่งแนวโน้มน่าจะเริ่มเห็นกำไรและผลประกอบการมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากบริษัทจะบันทึกรับรู้กำไรจากการขายบล.เอเพ็กซ์ และมีค่าใช้จ่ายลดลงจากการควบรวมสาขาเหลือ 39 สาขา จาก 65 สาขา 
ASL คาดว่าจะรับรู้กำไรจากการขาย บล.เอเพกซ์ในช่วงไตรมาส 1/51 ประมาณ 140 ล้านบาท
"เราคงขอดูตลาดและปัญหาซับไพร์มว่ามีความคลี่คลายเป็นอย่างไร ก่อนที่จะล้างขาดทุนสะสม ซึ่งเราก็อยากที่จะล้าง"นายสุรพล กล่าวกับผู้สื่อข่าว
สำหรับแผนงานในปีนี้ นายสุรพล กล่าวว่า ASL ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 10-20% จากที่มีรายได้ 717 ล้านบาทในปี 50 โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจะมาจากวอลุ่มการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ ซึ่งบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มฐานลูกค้าอีก 1 พันราย ซึ่งจะทำให้มีฐานลูกค้ารวม 3 พันรายในปีนี้
บริษัทยังคาดว่าส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในธุรกิจหลักทรัพย์จะเพิ่มขึ้นมาที่ 3.5% ในปีนี้ จากที่อยู่ในระดับ 2.4-2.5% ในปี 50 โดยจะมีการเพิ่มจำนวนมาร์เก็ตติ้งอีก 100 คน จากปัจจุบันที่มี 300 คน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประกอบธุรกรรม นายหน้าตลาดอนุพันธ์(TFEX), ธุรกิจยืมและให้ยืมหุ้น (SBL) และ ธุรกิจจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย(underwrite) คาดว่าในช่วงไตรมาส 2/51 จะเริ่มทำธุรกรรมใหม่ได้ ซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนรายได้บริษัทให้เพิ่มขึ้นด้วย
นายสุรพล กล่าวต่อว่า ขณะนี้พันธมิตรต่างประเทศคือ Ellerston ซึ่งเป็นกองทุนออสเตรเลีย อยู่ระหว่างการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนหุ้นใน ASL จากปัจจุบันที่ถือหุ้น 5% โดยมีเพดานการถือ 25% ซึ่งทางกองทุนฯ กำลังพิจารณาข้อมูลทั้งด้านการเมืองในประเทศ ปัญหาซับไพร์ม และค่าเงินบาท หากสถานการณ์คลี่คลายก็คาดว่าจะมีความชัดเจนในไตรมาส 2/51
ส่วนการจ่ายปันผลนั้น นายสุรพล กล่าวว่า สำหรับงวดปี 50 คงยังไม่มีการจ่ายปันผล เพราะยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่การจ่ายปันผลจากผลประกอบการปี 51 คงรอดูผลกำไรที่เกิดขึ้นก่อน หากทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ก็คงจะจ่ายได้
นายสุรพล กล่าวต่อว่า หากบริษัทสามารถมีกำไรที่ต่อเนื่องในไตรมาส 1 และ 2 นี้ ก็เชื่อว่าจะสามารถจ่ายปันผลระหว่างกาลได้สำหรับงวดปี 51 นอกจากนี้ บริษัทมีความสนใจในการเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดหุ้นเวียดนามและจีนหลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดโอกาสให้นักลงทุนและบริษัทหลักทรัพย์ สามารถไปลงทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งการเข้าไปในประเทศเวียดนามจะเป็นลักษณะการเข้าไปร่วมทุนในการเปิดสาขาโบรกฯ และการลงทุนในตลาดหุ้น ทั้งนี้ จะพยายามให้แผนการลงทุนต่างประเทศจบในปีนี้
โดยปัจจุบันบริษัทมีพอร์ตการลงทุนกว่า 2.5 พันล้านบาท โดยเตรียมที่จะลงทุนในหุ้นระยะสั้น 1 พันล้านบาท เป็นบริษัทในตลาด อีก 500 ล้านบาท ได้มีการลงทุนในหุ้นระยะยาวไว้แล้วและที่เหลือ 800-1,000 ล้านบาท เป็นวงเงินในการปล่อยกู้มาร์จินโลน โดยบริษัทคาดว่าจะได้ผลตอบแทนจากพอร์ตการลงทุนในปีนี้ 7-10% จากผลตอบแทนในปีก่อน 7-8%
สำหรับการมองหาพันธมิตรในการเข้ามาถือหุ้นในบริษัทนอกเหนือจาก Ellerston ซึ่งเป็นกองทุนออสเตรเลียแล้วบริษัทยังเปิดกว้างในการหาพันธมิตรแต่จะเน้นพันธมิตรด้านตลาด TFEX โดยที่ผ่านมาก็มีเข้ามาคุยหลายรายแต่ก็จะเลือก 2-3 ราย ถึงแม้จะอยากได้พันธมิตรรายเดียวก็ตาม แต่ความเป็นไปได้ในการได้พันธมิตรรายเดียวยาก และหากพันธมิตรต้องการเข้ามาถือในสัดส่วนที่มากบริษัทก็คงจะต้องเพิ่มทุน
"เราเปิดกว้างในการรับพันธมิตรเข้ามาร่วมกับบริษัทไม่ว่าเป็นการถือหุ้นหรือตั้งบริษัทใหม่และคงจะต้องดูเงื่อนไขให้รอบคอบเพราะหากต้องการถือหุ้นในสัดส่วนที่มากเกิน 20-25% คงต้องเพิ่มทุน และต้องขอให้คณะกรรมการพิจารณาด้วยแต่หากเข้ามาถือในสัดส่วนที่น้อยก็ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน" นายสุรพล กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ