นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2563 เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2563 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ (ประเทศไทย) จำกัด (SST) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศเวียดนามจำนวน 4 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 750 เมกะวัตต์ (MW) โดยมีมูลค่าไม่เกิน 456,700,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ไม่เกิน 14,614,400,000 บาท
สำหรับโครงการดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ จังหวัด บิ่ญเฟื้อก (Binh Phuoc Province) ประเทศเวียดนาม โดยการไฟฟ้าเวียดนาม Electricity of Vietnam (EVN) จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้า มีอัตราการรับซื้อไฟฟ้าในรูปของเงินดอลลาร์ ราคาประมาณ 7.09 เซนต์/หน่วย เป็นระยะเวลา 20 ปี นับจากวันที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์สิ้นเดือนธันวาคม 2563 ให้อัตราผลตอบแทนจากการเข้าลงทุนโครงการ (IRR) อยู่ที่ 15-17%
"การลงทุนโรงไฟฟ้าทั้ง 4 โปรเจ็คนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้แนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง หลังจากช่วงต้นปี ได้เข้าไปลงทุนโซลาร์ฟาร์มเวียดนามขนาดกำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ ซึ่งเท่ากับว่าตอนนี้มีโซลาร์ฟาร์มเวียดนามในมือ ขนาดกำลังการผลิตรวมกัน 1,000 เมกะวัตต์ ซึ่งเรายังไม่หยุดเพียงเท่านี้ ยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในประเทศอื่นๆ ทั้งโครงการโรงไฟฟ้าและวินด์ฟาร์มเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับบริษัท และยังเตรียมขยายการลงทุนวินด์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่น และอินโดนีเซียอีกด้วย"นายจอมทรัพย์ กล่าว
นายจอมทรัพย์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีก่อน และมีโอกาสในการทำสถิติสูงสุดใหม่ จากการรับรู้รายได้จากการ COD ทั้งจากโรงไฟฟ้าเดิมและโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะ COD เพิ่มทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทเตรียมใช้งบลงทุนราว 4 หมื่นล้านบาท รองรับการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ ในระยะเวลา 4 ปี (62-65) ทั้งโครงการโรงไฟฟ้า และโครงการน้ำ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่เวียดนาม จำนวน 421 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดจะจ่ายไฟเข้าระบบในปลายปี 64 และโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ใหม่ในเวียดนาม จำนวน 750 เมกะวัตต์ ที่คาดจะจ่ายไฟเข้าระบบในสิ้นปี 63
บริษัทเชื่อว่าจากการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ และการศึกษาเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง จะผลักดันให้รายได้ในปี 65 แตะระดับ 1.38 หมื่นล้านบาท จากปี 64 ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาท
"เรายืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุน แม้การลงทุนจะค่อนข้างมาก เนื่องจากเรามีแหล่งเงินทุนทั้งการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน เงินกู้จากสถาบันทางการเงิน การออกหุ้นกู้ รวมไปถึงเงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงาน ที่เพียงพอต่อแผนการลงทุนดังกล่าวแน่นอน"นายจอมทรัพย์ กล่าว
ด้านนางกุลชลี นันทสุขเกษม ที่ปรึกษาทางการเงิน ของ SUPER เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 63 จะทำได้ประมาณ 6.86 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 62 ที่มีรายได้จากผลการดำเนินงานประมาณ 6.3 พันล้านบาท เนื่องจากจะมีโซลาร์ฟาร์มในไทยและเวียดนามที่จ่ายไฟเข้าระบบเพิ่มเป็น 1,806 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากปี 62 ที่มีโรงไฟฟ้าจ่ายไฟฟ้า 837 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ยังมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะอีกจำนวน 17 เมกะวัตต์ ประกอบกับจะมีรายได้จากธุรกิจจำหน่ายน้ำให้กับลูกค้าในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และการประปาส่วนภูมิภาคในปี 63 ประมาณ 170 ล้านบาท