นายวิชัย สุนทรวุฒิกุล ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส สำนักบริหาร บมจ.อาซีฟา (ASEFA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารักษารายได้ปี 63 ให้ใกล้เคียงกับปีก่อน จากปีก่อนอยู่ที่ 2,562.14 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,872 ล้านบาท แบ่งเป็นงาน Manufacturing Product จำนวน 1,167 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 61%, งาน Supplied & Distributed Product จำนวน 255 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 12% และงานบริการ จำนวน 705 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 27% คาดจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 80% และที่เหลือจะทยอยรับรู้ในปีถัดไป
ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างเข้าประมูลงานใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นงานภาครัฐ คาดมีมูลค่ารวม 2,000-3,000 ล้านบาท โดยน่าจะเห็นภาพชัดเจนได้ในช่วงครึ่งปีหลังนี้เป็นต้นไป ส่วนงานภาคเอกชนในปีนี้น่าจะชะลอตัวลง
สำหรับในระยะสั้น บริษัทฯ ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เล็กน้อย เนื่องจากมีการสต็อกสินค้าไว้ในระดับหนึ่งแล้ว และธุรกิจของบริษัทฯ ก็มีความเกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง ซึ่งเป็นการวางแผนระยะยาว ถ้าหากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นก็สามารถยืดหยุ่นได้ อย่างไรก็ตามเบื้องต้นบริษัทฯ จะรักษาการเติบโตของผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/63 ให้ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/62
ทั้งนี้ กลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจให้ครบวงจรมากขึ้น ทั้งในรูปแบบการร่วมลงทุน (JV) หรือการทำ Consortium ขณะเดียวกันก็มีการปรับรูปแบบการซื้อมาขายไป เพื่อรองรับลูกค้าให้ครบวงจรมากขึ้น และนำเสนอสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้ง New System และ New Products รวมถึงขยายตลาดไปยังช่องทางใหม่ๆ และกลุ่ม Distributor ใหม่ๆ
พร้อมกันนี้จะมีการนำเสนอสินค้าใหม่ และการบริการต่างๆ บริษัทฯ จะเสนอขายสินค้าเป็น package Solution เพื่อรองรับลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเพิ่มระบบใหม่ ๆ ได้แก่ Prefabricated / E-House, Prisma Schneider, Smart Panel, MDB Care on Cloud Monitoring and SerAvice Care, Power Quality Solution เป็นต้น รวมถึงการออกสินค้าใหม่ เช่น Busway, Cable/Prysmian General Cable, Solar/ JA Solar, UPS/Eaton และ MICC (Mineral Cable)