นายสมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ บลจ. ทหารไทย (TMBAM Eastspring) เปิดเผยว่า เหตุผลการเลิกกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ และ กองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน โดยได้ยกเลิกการดำเนินธุรกรรรมทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63 เนื่องจากเกิดการไถ่ถอนหน่วยลงทุนเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 16 -25 มี.ค.63 ทำให้สินทรัพย์ของทั้งสองกองทุนลดลงถึง 50-70% จากความตระหนกและเกิดการเทขาย (Panic Sell) โดยยอมรับว่าเริ่มมีการเทขายของนักลทุนกลุ่มหนึ่ง ทำให้เกิดทยอยขายต่อเนื่อง
ขณะที่ทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวไม่เข้าข่ายที่จะใช้มาตรการล่าสุดของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนรวมตราสารหนี้ เพราะทั้ง 2 กองทุนลงทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ และตราสารหนี้ต่างประเทศก็มีความผันผวนสูง ทำให้การขายออกเพื่อให้ทันกับการไถ่ถอนหน่วยลงทุนก็ทำได้ยากลำบาก ขณะที่สินทรัพย์ถือครองเป็นสินทรัพย์คุณภาพดี อยู่ในระดับ Investment Grade จึงต้องหยุดทำการซื้อขายและยกเลิกกองทุน เพื่อจะได้มีเวลาบริหารจัดการสินทรัพย์กับพอร์ตที่ยังคงค้างอยู่ได้อย่างดี
อย่างไรก็ตาม กองทุนตราสารหนี้อื่นที่ลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ มีความผันผวนน้อยกว่า ประกอบกับ มีมาตรการของธปท. จึงไม่กระทบต่อสินทรัพย์ลงทุน หรือกองทุนอื่นที่บลจ.ทหารไทยบริหารจัดการอยู่
"การตัดสินใจปิดกองทุนเพื่อให้แน่ใจว่าสินทรัพย์คุณภาพดีจะได้รับการบริหารจัดการเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนอย่างมีคุณค่ามากที่สุด จะไม่ไล่ขาย เหตุนี้ไม่มีผลกระทบกับการบริหารจัดการกองทุนของบลจ.ทีเอ็มบี"นายสมจินต์ กล่าว
ทั้งนี้ มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ของกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน ณ วันที่ 25 มี.ค.63 อยู่ที่ 25,191 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 16 มี.ค. 63 อยู่ที่ 68,412 ล้านบาท เริ่มลดลงจาก 13 มี.ค.63 ที่มี NAV อยู่ที่ 73,039 ล้านบาท
ส่วนกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ NAV ณ 25 มี.ค.63 อยู่ที่ 38,234 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 16 มี.ค.63 อยู่ที่ 64,193 ล้านบาท ลดลงจากวันที่ 13 มี.ค.63 ซึ่งอยู่ที่ 67,212 ล้านบาท
นายสมจินต์ กล่าวว่าหลังการเลิกกองทุน จะเข้าสู่กระบวนการชำระราคา โดยใน 5 วันแรก นับจากวันที่เลิกกองทุนคือวันที่ 26 มี.ค.63 ผู้จัดการกองทุนจะพยายามขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ในกองทุน เพื่อรับเงินเข้ากองทุนใน 5 วันทำการ คือประมาณวันที่ 2 เม.ย.นี้ และหลังจากนั้นยังคงมีสินทรัพย์ที่ยังไม่เหมาะสมขายออกทันที ก็ถึงขั้นชำระราคา คาดว่าใช้ระยะเวลา 90 วัน ผู้จัดการกองทุนดูแลและตัดสินใจเพื่อให้เกิดการขายที่ไม่ทำร้ายกองทุน ซึ่งจะต้องยืดเวลาออกไป โดยผู้ถือหน่วยจะไม่เสียค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนหน่วยลงทุน
ส่วนผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีความจำเป็นใช้เงิน ธนาคารทหารไทย มีนโยบายเข้าดูแลผู้ถือหน่วยลงทุนทั้งที่เป็นลูกค้าธนาคารทหารไทย และผู้ถือหน่วยที่เสนอขายช่องทางอื่น
นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย (TMB) หรือทีเอ็มบี กล่าวว่า ทีเอ็มบีได้ออกมาตรการให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมของบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง ภายหลังจากที่บลจ.ประกาศไม่รับซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนในกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์
"แม้ปัจจุบันจะถือหุ้นในบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง เหลือเพียง 35% แต่เป็นความตั้งใจของเราที่จะดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักลงทุนรายย่อย จึงได้ออกโปรแกรมช่วยเหลือสำหรับนักลงทุนทุกคนที่ถือกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ทั้งที่เป็นลูกค้าปัจจุบันของทีเอ็มบี หรือแม้จะไม่ใช่ลูกค้าของทีเอ็มบีก็ตาม โดยหากท่านใดมีความจำเป็นต้องใช้เงินทุนในระยะสั้น ก็สามารถนำหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าวมาเป็นหลักประกันในการขอสินเชื่อตามโปรแกรมช่วยเหลือกับทีเอ็มบีได้ ซึ่งธนาคารประเมินว่าโปรแกรมนี้จะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนักลงทุนรายย่อยที่อาจจะมีสภาพคล่องตึงตัวในระหว่างที่รอบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง ดำเนินการขายตราสารคุณภาพดี ซึ่งได้กระจายการลงทุนอยู่ทั่วโลกเพื่อนำเงินลงทุนมาจัดสรรคืนผู้ถือหน่วย"นายปิติ กล่าว
นายปิติ กล่าวอีกว่า สำหรับกองทุนทั้งสองที่ประกาศไม่รับซื้อและขายคืน เมื่อดูจากคำชี้แจงของบลจ.ทหารไทย อีสท์สปริงก็พบว่าทั้งสองกองทุนมีลักษณะที่แตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้อื่น ๆ ในอุตสาหกรรม เพราะมีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศค่อนข้างสูง จึงยังคงมั่นใจในภาพรวมของอุตสาหกรรมกองทุนรวมตราสารหนี้ของไทย อีกทั้ง ยังมีมาตรการจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการเสริมสภาพคล่องให้แก่กองทุนรวมตลาดเงินและกองทุนรวมตราสารหนี้ ก็จะเข้ามาช่วยเสริมให้ตลาดการเงินมีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นี้
นอกจากนั้น สำหรับลูกค้าทีเอ็มบีและธนาคารธนชาต ขอให้สบายใจได้ว่าจะยังสามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ตามปกติ โดยธนาคารมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งด้านสภาพคล่อง เงินทุน รวมถึงระบบงานต่าง ๆ ในการรองรับและให้บริการภายใต้ภาวการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงนี้
ทั้งนี้ บลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง ได้ออกมาชี้แจงถึงสาเหตุว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 นี้ ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก ตลาดสินทรัพย์ทุกประเภทล้วนเผชิญแรงเทขายด้วยความวิตก หรือ Panic Sell ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ตลาดเงิน รวมถึงตลาดตราสารหนี้ ผลกระทบจาก Panic Sell นี้ ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับกองทุนเปิดทหารไทย ธนเพิ่มพูน และกองทุนเปิดทหารไทย ธนไพบูลย์ ซึ่งทั้ง 2 กองทุนนี้มีลักษณะแตกต่างจากกองทุนอื่น ๆ เพราะมีการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศในสัดส่วนค่อนข้างสูง เมื่อผู้ถือหน่วยขายคืนพร้อม ๆ กัน ในขณะที่มีแรงซื้อในตลาดค่อนข้างเบาบาง จึงส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ตกแรงและเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งไม่สะท้อนถึงคุณภาพของสินทรัพย์ที่ดีที่อยู่ในพอร์ตกองทุนรวม
อย่างไรก็ดี เพื่อหยุด Panic Sell ดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญด้านตราสารหนี้ของ บลจ.ทหารไทย อีสท์สปริง ได้ดำเนินการปรับกลยุทธ์เพื่อบรรเทาแรงขาย โดยการชะลอระยะเวลาการรับเงินค่าขายคืนหน่วยลงทุน อย่างไรก็ดี วิธีการดังกล่าวก็ไม่สามารถชะลอแรงขายได้ ในที่สุดจึงประกาศไม่รับซื้อและขายคืนหน่วยลงทุนใน 2 กองทุนข้างต้น โดยมีจุดประสงค์เพื่อคุ้มครองเงินลงทุนของลูกค้าไม่ให้เสียมูลค่าจากแรงเทขาย และรักษาผลประโยชน์ให้กับนักลงทุนทุกกลุ่มอย่างเท่าเทียมกัน โดยหลังจากนี้บลจ.ก็จะทยอยขายตราสารอื่น ๆ ในพอร์ตให้ได้ราคาที่สมเหตุสมผลที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกค้าและนำเงินมาจัดสรรคืนให้ผู้ถือหน่วยลงทุน