นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า บริษัทได้ลงนามจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท จีเอส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น (GS E&C) จากเกาหลีใต้ เพื่อพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกัน โดยบริษัทจะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ GS E&C ถือหุ้นในสัดส่วน 49%
ทั้งนี้ GS E&C เป็นบริษัทในเครือ GS Group กลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้นำในหลากหลายธุรกิจและอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ อาทิ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจและอุตสาหกรรมก่อสร้าง สำหรับ GS E&C ก่อตั้งขึ้นในปี 12 และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ในปี 24 พัฒนาโครงการหลากหลายประเภท ครอบคลุมทั้งโครงการโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้า โรงงาน อาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัยแบรนด์ Xi ซึ่งย่อมาจาก Extra Intelligent มีวิสัยทัศน์ในการสร้างขีดความสามารถการแข่งขันสู่การเป็นบริษัทชั้นนำด้านการก่อสร้างของโลก ปัจจุบัน มีสำนักงานสาขาอยู่ในเมืองใหญ่ถึง 24 แห่งทั่วโลก ได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร ENR นิตยสารชั้นนำด้านการก่อสร้างของสหรัฐให้เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับท็อปอันดับที่36 ของโลก
"การร่วมทุนครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวหนึ่งของกลยุทธ์ Open Platform ที่เราเปิดกว้างรับพันธมิตรจากทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกมาร่วมปลั๊กอินกับเราในการสร้างสรรค์โครงการใหม่ๆ สร้างความแตกต่าง เพิ่มมูลค่าเพื่อผู้บริโภค เราเชื่อมั่นว่า เราและ GS E&C จะสามารถนำประสบการณ์และโนว์ฮาวที่ต่างฝ่ายต่างสั่งสมกันมาอย่างยาวนาน มาแลกเปลี่ยนกัน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในโครงการที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค" นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า การร่วมทุนในระยะแรกนี้จะเริ่มต้นจากการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมร่วมกัน 2 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 111 (The Origin Ladprao 111) โครงการไฮไรส์ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีบางกะปิ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท เพื่อเจาะตลาดคนรุ่นใหม่ และ 2.โครงการไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 4 (KnightsBridge Space Rama 4) มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท เพื่อเจาะตลาดระดับลักชัวรี่ ทั้งนี้ บริษัทจะเริ่มเปิดขายทั้ง 2 โครงการพร้อมกัน โดยจะมีข้อมูลโครงการแจ้งต่อผู้สนใจในช่วงครึ่งปีหลัง
ด้านนายคิม แจ ชอล ผู้จัดการทั่วไป GS E&C กล่าวว่า บริษัทมองหาพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในแต่ละประเทศเพื่อร่วมกันสร้างโอกาสในการเติบโต โดย ORI ถือเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ พิสูจน์ได้จากทั้งคุณภาพของโครงการ และความสามารถในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงมั่นใจและกล้าตัดสินใจร่วมทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นครั้งแรก
"แม้ขณะนี้ในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะยังต้องเผชิญกับ โควิด-19 แต่เราเชื่อมั่นว่าด้วยความพร้อม ของบุคลากรและระบบสาธารณสุขไทย ตลอดจนความร่วมแรงร่วมใจของคนไทยทุกคนในการแก้ไขปัญหา จะทำให้เรื่อง โควิด-19 เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้นเท่านั้น เราเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ในครั้งนี้ไปได้โดยเร็ว และขอเป็นหนึ่งในกำลังใจจากนักลงทุนต่างชาติให้คนไทยผ่านพ้นสถานการณ์อันยากลำบากในครั้งนี้" นายคิม กล่าว
ทั้งนี้ ประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย เนื่องจากปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ ตลอดจนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง การร่วมทุนกับ ORI พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2 แห่งในครั้งนี้ จะถือเป็นการวางรากฐานของบริษัทในระยะยาว สู่การเติบโตที่สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย