KTZ มอง SET ปีนี้แกว่งในกรอบ 747-1,017 จุด หลังคาด EPS หดตัวจากกลุ่มอุตฯเชื่อมโยงท่องเที่ยว-พลังงานรับผลโควิด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 30, 2020 17:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ (KTZ) กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ "Investment Outlook 2Q20 : พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส" ว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้จะเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 747-1,017 จุด อิงระดับ PER 11-15 เท่า โดยกรณี Base Case อยู่ที่ 884 จุด อิงประมาณการ EPS ปีนี้ที่ 67.90 บาท ลดลง 20.5% ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับประมาณการ Bloomberg Consensus EPS ที่ 92.9 บาท เพิ่มขึ้น 8.7% เป็นผลจากที่คาดว่าผลกำไรกลุ่มอุตสาหกรรมที่เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว กลุ่มพลังงาน กลุ่มธนาคาร จะถูกปรับลดประมาณการกำไรลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังปรับลดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปีนี้เป็นหดตัว 4.6% เทียบกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าจะหดตัว5.3%

ส่วนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยจะขึ้นอยู่กับความรวดเร็วในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกให้เข้าสู่ภาวะควบคุมได้ คาดว่าจะเกิดขึ้นภายในกลางปีนี้ และต้องใช้เวลาอีก 3-6 เดือนสำหรับการกลับสู่ภาวะปกติ รวมถึงภาคการผลิตจีนสามารถกลับสู่ภาวะการผลิตปกติได้เร็วเพียงใด และความรวดเร็วในการออกมาตรการด้านการเงินและการคลังจำนวนมหาศาลของทุกประเทศทั่วโลก

สำหรับพอร์ตลงทุนแนะนำ ได้แก่ กลุ่มบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้า ได้แก่ GPSC , EGCO ,RATCH จากรายได้ที่มีความแน่นอนและจ่ายปันผลได้ต่อเนื่อง และกลุ่มบริษัทที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอด้วยยิลด์สูงกว่า 5% ได้แก่ DIF , JASIF , INTUCH , TISCO รวมถึงกลุ่มบริษัทที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐบาล ได้แก่ CK ,STEC , AIT ,ADVANC ,CPF และกลุ่มบริษัทที่จะฟื้นตัวได้เร็วหากเศรษฐกิจกลับคืนสู่ภาวะปกติ ได้แก่ MTC , SAWAD

ด้านนายเจริญ เอี่ยมพัฒนธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวถึงมุมมองการลงทุนทางเทคนิคเคิลว่า ดัชนียังคงมีความเสี่ยงที่จะอ่อนตัวลง หลังยังไร้สัญญาณบวก หรือการกลับตัวที่ชัดเจน ที่ผ่านมานั้นเป็นเพียงการรีบาวด์สลับเข้ามา

แต่ก็มีมุมมองบวกต่อแนวรับบริเวณ 1,010 / 969-950 และ 903 จุด เพราะคาดว่าดัชนีอาจสามารถสร้างฐานบริเวณดังกล่าวได้ หลังจากช่วงที่ผ่านมาดัชนีพยายามเด้งตัวขึ้นมาเคลื่อนไหวในระดับ 1,100 จุด และมักจะเด้งตัวกลับขึ้นมาเร็วจากบริเวณ 1,010 จุด รวมถึงที่บริเวณดังกล่าวดัชนีปรับตัวลงราว 45% จาก 1,852 จุด ดังนั้น การปรับตัวลงต่อก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสการรีบาวด์รอบใหญ่ได้ ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,120 และ 1,219 จุด โดยเฉพาะการผ่าน 1,219 จุดไปได้ ดัชนีก็น่าจะกลับขึ้นมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,400 จุดอีกครั้ง

นายอนรรฆพล เมืองเกษมรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล. กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในตลาดสินค้าตราสารอนุพันธ์ (TFEX) นั้น ในส่วนของทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจในช่วงไตรมาส 2/63 โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวทางเทคนิคอยู่ที่บริเวณ 1,400-1,750 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ ก็คาดว่าจะมีความผันผวน แต่ยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อยู่ โดยมีเป้าหมายสำคัญในไตรมาส 2/63 อยู่ที่บริเวณ 1,750 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ หลังจากช่วงไตรมาส 1/63 ราคาทองคำปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงไปทดสอบที่ 1,700 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไปทั่วโลกในตอนนี้ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจให้ชะลอตัวแรง

ดังนั้น ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่มีความน่าสนใจอยู่สำหรับนักลงทุน และยังน่าที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีได้ ตามแรงหนุนจากความต้องการทองคำที่ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และธนาคารกลางทั่วโลกต่างพร้อมใจกันออกมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ