นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ได้ในกรอบจำกัด หลังจากที่ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ได้เคลื่อนไหวในแดนบวกราว 1% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่จะเริ่มขายในต้นเดือนเม.ย. คาดว่าจะมีเม็ดเงินราว 2 หมื่นล้านบาทเข้ามาในระบบ และการเว้นระยะห่างเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้องค์การอนามัยโลก (WHO) มองถึงจำนวนผู้ติดเชื้อน่าจะทรงตัวได้ในยุโรป นอกจากนี้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะร่วมกับสหรัฐฯทำการทดลองวัคซีนต้านเชื้อไวรัสโควิด-19
อย่างไรก็ดี หุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ยังคงถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง 6% ต่ำสุดในรอบ 18 ปี พร้อมให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ และติดตามตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.พ.ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะแถลง รวมทั้งติดตามตัวเลข PMI ภาคการผลิตและบริการของจีน
พร้อมให้แนวรับ 1,070 จุด ส่วนแนวต้าน 1,100 ถัดไป 1,120-1,125 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 มี.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนสปิดที่ 22,327.48 จุด พุ่งขึ้น 690.70 จุด (+3.19%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,626.65 จุด เพิ่มขึ้น 85.18 จุด (+3.35%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,774.15 จุด เพิ่มขึ้น 271.77 จุด (+3.62%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 96.93 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 20.10 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 438.16 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 60.19 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 22.17 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 37.93 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 7.72 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 96.21 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 มี.ค.63) 1,087.82 จุด ลดลง 11.94 จุด (-1.09%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,032.42 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 มี.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 มี.ค.63) ปิดที่ 20.09 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.42 ดอลลาร์ หรือ 6.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 มี.ค.) อยู่ที่ -0.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.65/66 ตลาดรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของไทย-ตปท. ให้กรอบวันนี้ 32.60-32.70
- "สมคิด" นำทีม "คลัง-แบงก์ชาติ-ก.ล.ต." พบนายกฯ ระดมมาตรการสู้ "โควิด-19" ก๊อก 3 "ล็อตใหญ่" เผยเตรียมตัดงบทุกกระทรวง 10% มาบริหารเอง ย้ำฐานะการคลังแกร่งเพียงพอดูแล ไม่จำเป็นต้องกู้ไอเอ็มเอฟ พร้อมขู่ใครปล่อยข่าวมั่วส่อโดนฟ้อง ด้าน "อุตตม" ลั่น มาตรการ "ชุด3" ใหญ่กว่า 2 ชุดแรกรวมกัน
- พิษโควิด ยอดขายวูบ 5 โรงงานรถยนต์ ทยอยหยุดสายผลิตชั่วคราว ปรับสมดุล ลดการแพร่ระบาด "ฟอร์ด" ยันไม่กระทบลูกค้า ชี้สต็อกล่วงหน้าเพียงพอ "โตโยต้า" ระบุผลิตชิ้นส่วนทั่วโลกมีปัญหา "ฮอนด้า" เข้ม ห้ามพนักงานกลับภูมิลำเนา "มิตซูบิชิ" จ่ายค่าแรง 85% พนักงานที่หยุดงาน
- "สมคิด" ยืนยัน "คลัง" พร้อมอุ้มการบินไทย ตั้งเงื่อนไขต้องทำแผนสร้างความเข้มแข็งธุรกิจ ชี้ไม่ปลดพนักงาน "โบรกเกอร์" ประเมิน "กลุ่มการบิน" ส่อขาดทุนไตรมาส 2 กว่า 6.6 หมื่นล้านบาท "การบินไทย" อ่วมสุด คาดขาดทุนสุทธิ 5.9 หมื่นล้านบาท เสี่ยงต้องปรับโครงสร้างทุน
- สมาคมบลจ.ประกาศความพร้อมออกขายกองทุน "เอสเอสเอฟ" เผยมีสมาชิก 15 แห่ง เตรียมออกขายปีนี้ 72 กองทุน เป็นกองพิเศษเน้นลงทุนในหุ้น 20 กอง และกองปกติอีก 52 กอง คาดระดมเงิน ได้กว่า 6 หมื่นล้านบาท ใน 3 เดือน ด้านบลจ.ไทยพาณิชย์ มั่นใจ "กองพิเศษ" ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน เหตุหักลดหย่อนได้เพิ่มอีก 2 แสนบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- ADVANC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 230 บาท คาดกำไรปกติ Q1/63 ยังประคองตัวได้ +3% Q-Q, +0.4% Y-Y เป็น 7.52 พันล้านบาท แม้การแข่งขันของ Prepaid และ Fixed broadband จะเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ปลายปีก่อนและยังถูกกระทบจากโควิด-19 แต่ผลกระทบน้อยกว่าอุตสาหกรรมอื่นอย่างชัดเจน โดยยังคงคาดกำไรปกติปีนี้ -5% Y-Y มอง ADVANC เป็นแหล่งพักเงินในระยะนี้
- INTUCH (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 79 บาท ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อนมูลค่าเงินลงทุน (NAV) ใน ADVANC และ THCOM โดยมี Discount จากมูลค่า NAV ถึง 35% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราคาจะ discount จาก NAV ประมาณ 20-25% และหากมองในด้านเงินปันผล INTUCH ยังให้ Dividend yield สูงกว่า ADVANC โดยปีนี้คาดว่า INTUCH จะจ่ายปันผลประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ให้ Dividend yield ประมาณ 6.1% สูงกว่า ADVANC ที่ให้ Dividend yield เพียง 3.8%