ดัชนีหุ้นไทยเปิดภาคเช้าพุ่งกว่า 20 จุด รีบาวด์ตามตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวขึ้น หลังดัชนีหุ้นดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 700 จุดเมื่อคืนนี้ นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกในประเทศจากการที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) หลายแห่งเตรียมเปิดขายกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ในต้นเดือน เม.ย. ซึ่งจะเน้นการลงทุนในหุ้นไทยเป็นหลัก
เมื่อเวลา 9.55 น. ดัชนี SET อยู่ที่ 1,108.79 จุด เพิ่มขึ้น 20.97 จุด (+1.93%)
ล่าสุดเมื่อเวลา 10.05 น.ดัชนี SET อยู่ที่ 1,109.25 จุด เพิ่มขึ้น 21.43 จุด (+1.97%)
นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เปิดเทรดมาปรับขึ้นกว่า 20 จุด เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่บวกกันราว 1-2% ตอบรับตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนออกมาดีกว่าคาด ทำให้ไปช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุน
นอกจากนี้ กองทุน SSF เริ่มที่จะออกมาแล้วก็น่าจะช่วยประคองหุ้นไทย รวมถึงได้ Sentiment บวกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯที่บวกได้ค่อนข้างดีเมื่อคืนที่ผ่านมา แม้จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯจะยังเพิ่มขึ้น แต่ทางอิตาลีเริ่มเพิ่มขึ้นในอัตราที่ไม่เร่งตัว อย่างไรก็ดียังต้องติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศก็ต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิดหลังจากที่ครบกำหนดเวลา 7 วันที่คนออกไปต่างจังหวัดกันจำนวนมาก
พร้อมให้แนวต้าน 1,120-1,130 จุด
ด้านบล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปัจจัยหนุนตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น มาจากการจัดตั้งกองทุน SSF ที่มีเป้าหมายลงทุนในหุ้นเป็นหลัก เริ่มวันที่ 1 เม.ย.63 ซึ่งจะมีหุ้นในกลุ่มเป้าหมายของ SSF ได้แก่ PTT , PTTEP , BJC , CPALL , KBANK , AOT , GULF , EGCO , INTUCH , ADVANC และ BDMS ประเมินว่าการเข้าลงทุนของกองทุน SSF โดยเฉพาะวงเงินพิเศษ จะไม่แตกต่างจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เดิม ที่เน้น ลงทุนหุ้นใน SET50 ซึ่งนอกจากหุ้นที่เป็นเป้าหมายเดิม ยังรวมถึงหุ้นที่เข้ามาใหม่อย่าง BAM ด้วย