ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ. ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงฐานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บมจ. ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ตาม "เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม" (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง โดย WHA ได้รับการจัดอันดับเครดิตองค์กรที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" จากทริสเรทติ้ง ซึ่งแนวโน้มอันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนภาระหนี้ที่สูงและกระแสเงินสดเพื่อการชำระหนี้ที่อ่อนแอลงของบริษัทแม่
อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงสถานะของบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการสาธารณูปโภคแต่เพียงผู้เดียวในนิคมอุตสาหกรรมของ WHA ทั้งในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนฐานรายได้ประจำที่บริษัทได้รับจากการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้า และผลประกอบการที่ดี
ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต
มีสถานะเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 กลุ่ม WHA ถือหุ้นของบริษัทในสัดส่วน 74% และมีอำนาจควบคุมแผนกลยุทธ์และการตัดสินใจด้านนโยบายทางการเงินของบริษัทโดยตรง บริษัทได้สิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการเป็นผู้ให้บริการน้ำในนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งของ WHA ทั้งในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยปัจจุบันบริษัทได้สิทธิในการให้บริการน้ำแก่นิคมอุตสาหกรรมที่เปิดดำเนินการแล้ว 10 แห่งและที่กำลังพัฒนา (รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมที่เวียดนามด้วย) อีก 4 แห่ง ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวช่วยให้บริษัทมีความเสี่ยงในการดำเนินงานที่ต่ำจากการที่คู่แข่งไม่สามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในพื้นที่ที่บริษัทให้บริการได้ นอกจากนี้ บริษัทยังลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าอีกหลายแห่งที่บริษัทได้ลงทุนร่วมกับหุ้นส่วนทางธุรกิจที่มีชื่อเสียงหลายรายอีกด้วย
บริษัทสร้างรายได้ในสัดส่วนที่สำคัญให้แก่ผลประกอบการโดยรวมของ WHA โดยในปี 2562 บริษัทสร้างรายได้ในสัดส่วน 16% ของรายได้รวมของบริษัทแม่และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในสัดส่วน 34% ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทแม่
ธุรกิจในประเทศไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจในประเทศเวียดนามมีศักยภาพในการเติบโต
บริษัทมีรายได้และมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในส่วนของธุรกิจสาธารณูปโภคที่ระดับ 1.8 พันล้านบาทและ 900 ล้านบาทในปี 2562 ตามลำดับ โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 1.5-1.7 พันล้านบาทและระดับ 700-800 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2559-2561
สัดส่วนรายได้และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจากธุรกิจสาธารณูปโภคคาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรมภายใต้การดำเนินงานของ บมจ.ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ ทั้งในประเทศไทยและเวียดนามนอกเหนือจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจผลิตไฟฟ้า นอกจากนี้ สินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ของบริษัท เช่น น้ำปราศจากแร่ธาตุ น้ำสะอาด จากการบำบัดน้ำเสียจากอุตสาหกรรม และน้ำจืดจากระบบการกลั่นน้ำทะเลยังสร้างกลยุทธ์ใหม่ให้แก่บริษัทในการสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นอีกด้วย
บริษัทยังวางแผนจะขยายธุรกิจสาธารณูปโภคนอกเขตนิคมอุตสาหกรรมของ WHA อีกด้วย โดยในปี 2562 บริษัทได้ลงทุนในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนามจำนวน 2 แห่งคือ Cua Lo Water Supply Joint Stock Company และ Duong River Surface Water Plant JSC โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมที่ประมาณ 3 พันล้านบาท
กระแสเงินสดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่คาดการณ์ได้ กระแสเงินสดที่เกิดจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่บริษัทได้ร่วมลงทุนกับหุ้นส่วนทางธุรกิจหลายรายนั้นค่อนข้างมั่นคง โดยบริษัทถือหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลายแห่งภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้าอิสระ (Independent Power Producer -- IPP) โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer -- SPP) และโครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กมาก (Very Small Power Producer -- VSPP) ณ วันที่ 1 มีนาคม 2563 กำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 559 เมกะวัตต์ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 590 เมกะวัตต์ภายในปลายปี 2563
ในปี 2563 บริษัทได้รับเงินปันผลจากโครงการโรงไฟฟ้าจำนวน 804 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลที่จำนวน 1-1.2 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2565 นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นการลงทุนในระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาที่ขนาด 100 เมกะวัตต์ได้ภายในปี 2565 โดย ณ เดือนธันวาคม 2562 บริษัทได้ทำการติดตั้งไปแล้วที่ขนาด 30.8 เมกะวัตต์
ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 45% ในปี 2562 จากระดับประมาณ 37% ในปี 2560-2561 โดยหนี้สินที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนาม บริษัทมีเป้าหมายที่ชัดเจนที่จะเติบโตในธุรกิจด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน โดยในด้านธุรกิจสาธารณูปโภคนั้น บริษัทจะขยายตัวในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทแม่ตามแผนและจะเพิ่มสินค้าที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาให้มากขึ้น เช่น น้ำสะอาดจากการเปลี่ยนน้ำเสียจากอุตสาหกรรมและน้ำปราศจากแร่ธาตุ
ส่วนในด้านธุรกิจพลังงานนั้น บริษัทมีกลยุทธ์ที่จะขยายการผลิตไฟฟ้าให้มากขึ้นกว่าเดิมโดยเพิ่มการลงทุนในส่วนของระบบ Solar Rooftop และมีความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจในการดำเนินงานโรงไฟฟ้าพลังงานขยะและการค้าปลีกก๊าซธรรมชาติ โดยงบลงทุนโดยรวมจะอยู่ที่ระดับ 1.4-2.9 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปีประมาณการและคาดว่าส่วนหนึ่งของแหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืม ในการนี้ ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 45%-47% ในระหว่างปี 2563-2565
กระแสเงินสดอยู่ในระดับที่จัดการได้ ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอต่อการชำระหนี้ในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยหนี้สินที่จะครบกำหนดชำระในปี 2563 อยู่ที่ประมาณ 5.9 พันล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระในเดือนสิงหาคม 2563 จำนวน 4 พันล้านบาทและส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงิน บริษัทได้ออกหุ้นกู้จำนวน 3 พันล้านบาทในเดือน กุมภาพันธ์ 2563 เพื่อชำระหนี้ที่ครบกำหนดชำระ ส่วนแหล่งเงินทุนเพื่อการชำระหนี้เพิ่มเติมนั้นมาจากเงินสดในมือจำนวน 755 ล้านบาทและวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากสถาบันการเงินอีกจำนวน 2.3 พันล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2562 เป็นหลัก
สมมติฐานกรณีพื้นฐาน
รายได้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ระดับ 5% ในช่วงปีประมาณการ
อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ระดับประมาณ 35%-37% และอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายจะอยู่ที่ระดับประมาณ 90%-110%
งบลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 1.4-2.9 พันล้านบาทต่อปีในระหว่างปี 2563-2565
แนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของ WHA ซึ่งเป็นไปตาม "เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม" ของทริสเรทติ้ง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดหวังว่ารูปแบบและระดับความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่าง WHA และบริษัทจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง เนื่องจากบริษัทเป็นบริษัทย่อยที่สำคัญของ WHA อันดับเครดิตของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับสถานะเครดิตของ WHA ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดกับอันดับเครดิตของ WHA หรือความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับ WHA ก็จะส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทด้วยเช่นกัน