นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ล่าสุด โดยได้มีการปรับคาดการณ์ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยปลายปี 50 มาที่เฉลี่ย 880 จุด จากการสำรวจครั้งก่อนอยู่ที่ 731 จุด ก่อนจะปรับตัวสูงยขึ้นต่อเนื่องมาที่ 1,033 จุดในปลายปี 51
พร้อมกับปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั้งปีเติบโตดีขึ้นมาที่ 4.6% จากเดิม 3.2% ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจของไทยในปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่า GDP Growth จะอยู่ที่ 4.3% จากเดิมคาดไว้ที่ 4%
กลุ่มธุรกิจที่แนะนำให้ลงทุนคือ กลุ่มธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และพลังงาน รวมทั้งเชื่อว่านักลงทุนต่างชาติจะยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิต่อเนื่อง
ปัจจัยบวกที่สำคัญต่อการลงทุนในตลาดหุ้นช่วง ก.ค.-ธ.ค.50 คือปัจจัยทางด้านการเมืองเกี่ยวกับการลงประชามติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการเลือกตั้งที่เป็นไปตามกำหนด กระแสเงินไหลเข้าโดยมีเงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่เติบโตดีขึ้น รวมทั้งภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และ อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ
ส่วนปัจจัยลบ ได้แก่ ค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลกระทบต่อการส่งออกในระยะถัดไป ความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งเกิดจากความเสี่ยงร่างรัฐธรรมนูญอาจไม่ผ่านประชามติ และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง
นายสมบัติ เชื่อว่าเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติยังไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่การเข้ามาในรอบนี้อาจจะมีทั้งลักษณะเก็งกำไรและถือลงทุนยาว เนื่องจากบางรายต้องการรอดูความชัดเจนการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ โดยการเข้ามาลงทุนของต่างชาติในรอบนี้คือในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมามีเม็ดเงิน 1.3 แสนล้านบาท แต่ในรอบใหม่จากนี้ไป(ก่อนการเลือกตั้ง)จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความผันผวนของค่าเงินจะเป็นตัวแปรการไหลเข้ามาของเม็ดเงิน
"ในรอบที่ผ่านมา(ต้นปี)มีเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่เกิน 150,000 ล้านบาท แต่รอบนี้มีเม็ดเงินเข้ามาแล้วกว่า 130,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามากจึงทำให้ประเมินเม็ดเงินที่เหลือว่าจะมาในครั้งนี้มากหรือน้อย แต่การที่พีอีตลาดหุ้นไทยยังอยู่ในระดับต่ำจึงน่าจะเป็นประเด็นที่ต่างชาติยังสนใจ และยิ่งมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นปลายปีนี้ มีโอกาสที่ราคาหุ้นจะปรับเพิ่มขึ้นได้ โดยนักลงทุนควรเลือกซื้อหุ้นที่ราคาไม่สูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน"นายสมบัติ กล่าว
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ประเมินว่า เงินบาท ณ สิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 35.20 บาท/ดอลลาร์ อัตราดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 3.3%
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/จำเนียร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--