KGI มองหุ้นไทยปี 50ที่ 790 จุด กำไรบจ.ลดลง 3.5% บาทแข็ง-น้ำมันกดดัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 4, 2007 12:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) หรือ KGI มองครึ่งปีหลังดัชนีหุ้นไทยอยู่ในกรอบ 675-863 จุด และสิ้นปี 51 ดัชนีไปถึง 930 จุด หลังปัจจัยการเมืองคลี่คลาย ขณะที่ในช่วงนี้ให้ระวังเรื่องค่าเงินบาทแข็ง และราคาน้ำมันพุ่งสูงกดดันกำไรของบริษัทจดทะเบียนปรับลดลง 3.5% แต่ปีหน้ากำไรจะฟื้นตัว เพิ่มขึ้น 8.3% 
นายอดิศักดิ์ คำมูล ผุ้อำนวยการเศรษฐกิจและกลยุทธ์ บล.เคจีไอ(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง ดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ในกรอบ 675-863 จุด ตามแรงผลักดันของเม็ดเงินต่างชาติ แต่การที่ราคาหุ้นปรับขึ้นสูงได้สะท้อนราคาของปีหน้าแล้ว หากเข้าลงทุนในช่วงนี้ก็จะเกิดความเสี่ยงการลงทุนจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้นสูงมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม โดยเฉลี่ยทั้งปีนี้ บล.เคจีไอ ประเมินว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยควรจะอยู่ที่ 736 - 790 จุด ซึ่งเป็นระดับเหมาะสมเมื่อเทียบกับผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในปี 50 คาดว่าจะปรับตัวลดลง 3.5% มาอยู่ที่ 4.70 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่มี 4.87 แสนล้านบาท และประเมินว่า จีดีพีจะอยู่ที่ 4% และหากมีการใช้จ่ายภาครัฐและการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นภายในปีนี้จริง ก็คาดว่าจีดีพีจะปรับขึ้นมาเป็น 4.5%
เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในปีนี้เฉลี่ยทั้งปี น่าจะสูงกว่า 70 เหรียญ/บาร์เรล สูงกว่าปีก่อนที่มีค่าเฉลี่ย 67 เหรียญ/บาร์เรล สำหรับอัตราดอกเบี้ย ขณะนี้อาจมีแนวโน้มลดลงอีก แต่ไม่มากนัก
"แต่สิ่งที่น่ากังวลคือค่าเงินบาทที่ขณะนี้แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก แม้ว่าจะมีการจัดการจากแบงก์ชาติ ในการควบคุมค่าเงินบาท แต่ทางที่ดีที่สุด แบงก์ชาติควรจะปล่อยให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวตามกลไกตลาด เพราะการควบคุมอาจจะก่อให้เกิดปัจจัยเสี่ยงต่อค่าเงินบาทของไทยในอนาคต นอกจากจะกระทบภาคส่งออกจะกระทบตลาดหุ้นด้วย" นายอดิศักดิ์ กล่าว
ทั้งนี้มองว่าปัจจัยเสี่ยงในครึ่งปีหลัง ยังมีเรื่องการเมือง ความผันผวนเศรษฐกิจของจีน ซึ่งหากจีนมีภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะส่งผลลบต่อทั่วโลก
นายอดิศักดิ์กล่าวว่า มองตลาดหุ้นไทยในสิ้นปีหน้าที่ 930 จุด และกำไรของบจ.จะปรับขึ้น 8.3% มาอยู่ที่ 5.09 แสนล้านบาท เนื่องจากในปีหน้าจะมีความชัดเจนทางการเมือง ถ้าการลงทุนที่ชะลอตัวอยู่น่าจะมีเม็ดเงินลงทุนอย่างแท้จริง รวมทั้งเชื่อว่าเม็ดเงินของต่างชาติ จะเข้าสู่ตลาดแถบเอเชียอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดหุ้นไทย
สำหรับหุ้นที่น่าสนใจ ยังคงเป็นหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เช่น CCET, DELTA กลุ่มพลังงาน TOP และกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ROJANA กลุ่มเดินเรือ แนะ TTA , กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะ CK กลุ่มเช่าซื้อ TCAP และ กลุ่มค้าปลีก แนะ CP7-11 โดยบริษัทเหล่านี้ประเมินว่า มีอัตราเติบโตทั้งรายได้และกำไรไม่ต่ำกว่า 10% และ บางตัวพีอีต่ำมาก

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ