นางสาวออมสิน ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไร 6.08 พันล้านบาท โดยหลักยังคงมาจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งจะรับรู้รายได้จากกำลังผลิต 664 เมกะวัตต์ที่จะจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามาเต็มที่ทั้งปี ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 278 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานลม 386 เมกะวัตต์
รวมถึงบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเจรจาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ด้านรายได้ปีนี้ยังคงคาดว่าจะเติบโตแตะ 2.4 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากธุรกิจไฟฟ้าที่เป็นรายได้หลัก ไม่ได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยตรง
ขณะที่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ขณะนี้บริษัทยังไม่ได้มีรายได้ในส่วนนี้เข้ามามากนัก จึงคาดว่าอาจได้รับผลกระทบบางส่วนเท่านั้น จากการส่งมอบรถยนต์ส่วนบุคคลทั่วไป (MPV) ลดลงจากเป้าหมาย 5 พันคัน เพราะลูกค้าได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องเลื่อนกำหนดออกไปจากเดิมที่จะมีการเจรจาในช่วงเดือน มี.ค.นี้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถส่งมอบรถยนต์ได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/63 และโรงงานประกอบคาดจะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้
สำหรับสัดส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะมาจาก ธุรกิจโรงไฟฟ้าราว 51% ,ธุรกิจรถยนต์ EV ราว 27% ,ธุรกิจไบโอดีเซล ราว 17%, ธุรกิจกรีนดีเซล และ PCM ราว 4% และอีก 1% เป็นธุรกิจ E-Ferry &Charging
ส่วนธุรกิจไบโอดีเซลในปีนี้คาดว่าปริมาณขายน่าจะลดลงเล็กน้อยตามการใช้งานรถยนต์ที่ลดลงจากสถานการณ์โควิด-19 แต่เชื่อว่าการผลักดันการใช้ B10 และ B20 เพิ่มขึ้นก็น่าจะมาชดเชยยอดขายที่ลดลงไปจากสถานการณ์ได้บ้าง ส่วนผลิตภัณฑ์สารเปลี่ยนสถานะหรือ Bio-PCM คาดจะเริ่มผลิตและจำหน่ายได้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.63 เป็นต้นไป โดยตลาดหลักจะเป็นประเทศญี่ปุ่น
นอกจากนี้ ธุรกิจ Energy Storage หรือโครงการผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนเฟสแรก ขนาดกำลังการผลิต 1 กิ๊กะวัตต์ต่อชั่วโมงต่อปี มูลค่าลงทุนราว 5 พันล้านบาท ก็อยู่ระหว่างก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในช่วงปลายปีนี้
ธุรกิจสถานีบริการอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere บริษัทฯ ยังเดินหน้าติดตั้งต่อเนื่องทั่วประเทศ สอดคล้องกับที่ภาครัฐออกมาให้การสนับสนุนด้วย โดยบริษัทฯ มีการจัดทำแอปพลิเคชั่นที่สามารถตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของสถานีชาร์จได้ ส่วนธุรกิจเรือ E-Ferry ก็จะมีการทยอยส่งมอบต่อเนื่อง คาดว่าไตรมาส 1/64 จะส่งมอบได้ครบจำนวน 42 ลำ
น.ส.ออมสิน กล่าวว่า บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ที่ 7.38 พันล้านบาท โดยหลักจะใช้ในการก่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยมไอออนเฟสแรก ขนาดกำลังการผลิต 1 กิกะวัตต์/ชั่วโมง/ปี ราว 40% และใช้สำหรับการลงทุนใน E Ferry จำนวน 19%, รถยนต์ EV ราว 16% ส่วนที่เหลือจะเป็นธุรกิจอื่นๆ