หุ้น MTC ราคาพุ่งขึ้น 7.56% มาอยู่ที่ 32 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มูลค่าซื้อขาย 185.42 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.03 น. โดยเปิดตลาดที่ 32.00 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 32.25 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 31.25 บาท
เมื่อวานนี้ นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทยแคปปิตอล (MTC) เปิดเผยถึงกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เข้ามาขอความร่วมมือตรวจสอบที่บริษัททั้ง 3 แห่งในวันที่ 20 มี.ค.63 ว่าเป็นการขอความร่วมมือเพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการคำนวณดอกเบี้ย หลักเกณฑ์ในการยึดทรัพย์และนำทรัพย์ที่ยึดไปขายทอดตลาด ตามข้อร้องเรียนของลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกันไปฟ้องดีเอสไอ ซึ่งเป็นกลุ่มที่เคยร้องเรียนบริษัทมาแล้ว
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ สามารถตอบข้อซักถามทั้งหมดได้ว่าบริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ เนื่องด้วย MTC อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเรื่องของสินเชื่อสามารถที่จะคิดดอกเบี้ยได้ถึงร้อยละ 28 ต่อปี และบริษัทฯมีใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจครบถ้วน และบริษัทฯไม่ได้ถูกแจ้งความดำเนินคดีแต่อย่างใด
"ทางดีเอสไอเข้ามาสอบถามข้อมูลเรื่องการคิดดอกเบี้ยว่าทำไมบริษัทถึงคิดดอกเบี้ยรถจักรยานยนต์ร้อยละ 20 ซึ่งพนักงานได้แจ้งไปว่าการดำเนินธุรกิจในส่วนดังกล่าวอยู่ภายใต้การกำกับของแบงก์ชาติที่อนุญาตให้คิดดอกเบี้ยได้ถึงร้อยละ 28 ซึ่งในความเป็นจริงเราก็คิดต่ำกว่าเกณฑ์มาก ส่วนเรื่องของการยึดทรัพย์และนำไปขายทอดตลาดก็ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ จนกระทั่งท้ายที่สุดเมื่อลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ ก็จำเป็นต้องยึดทรัพย์และนำมาขายทอดตลาด ซึ่งถือเป็นการทำงานตามขั้นตอนปกติ"นายชูชาติ กล่าว
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ราคา MTC ที่ปรับลงแรงวานนี้เป็นโอกาสซื้อเพราะ upside เปิดกว้างจากเป้าใหม่ที่ปรับลงเป็น 42 บาท ขณะที่ PE ปรับลงจากอดีต 25-30 เท่าเหลือเพียง 16 เท่า
ขณะที่บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่ามีมุมมองเป็นกลาง จากสินเชื่อ ณ ปัจจุบัน ที่บริษัทได้ปล่อยจะไม่ได้รับผลกระทบจากการฟ้องร้อง รวมทั้งบริษัทได้ปล่อยสินเชื่อ และคิดอัตราดอกเบี้ยที่ถูกต้องตามลักษณะใบอนุญาตของบริษัท เนื่องจากกลุ่มลูกหนี้ที่ยื่นฟ้องร้องเป็นกลุ่มลูกหนี้เดิมที่เคยฟ้องร้อง MTC ในอดีต ที่ ณ ปัจจุบัน สถานะการฟ้องร้องแบบ Class action ได้สิ้นสุด และ MTC ไม่ได้ผิดด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้บริษัทยังได้ชี้แจงว่าบริษัทได้ทยอยปรับเปลี่ยนรูปแบบสัญญาลูกหนี้ให้เป็นไปตามกฎหมายตั้งแต่ 3Q61 แล้ว โดยได้แยกเป็น 2 สัญญา (สัญญาเงินกู้ที่คิดดอกเบี้ย 15% และสัญญานาโนไฟแนนซ์ที่คิดดอกเบี้ย 36%) ทั้งนี้ตั้งแต่ 1Q62 บริษัทได้ปล่อยสินเชื่อภายใต้ใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคล (ที่คิดดอกเบี้ยได้ 28%) ภายหลังที่ ธปท. อนุญาตให้ผู้ถือใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลสามารถที่จะปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถได้ ในขณะที่สินเชื่อที่มีที่ดินเป็นหลักประกัน บริษัทได้ปล่อยตามข้อบังคับของกระทรวงการคลังที่ห้ามคิดดอกเบี้ยเกิน 15% ส่งผลให้บริษัทมี loan yield เฉลี่ยปี 2562 ที่ 22% ทั้งนี้คงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 52.00 บาท อิง 2563 PBV 5.6x