บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3,500 ล้านบาทของ บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “AA" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “BBB" และคงอันดับหุ้นกู้มีการค้ำประกันชุดเดิมของบริษัทที่ระดับ “AA" ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้คงเดิมที่ “Stable" หรือ “คงที่"
หุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันเต็มจำนวนจากบริษัทแม่ คือ ACOM CO., LTD. ซึ่งได้รับอันดับเครดิตในระดับ “A2" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" จาก Moody’s Investor Service และระดับ “BBB+" ด้วยแนวโน้ม “Negative" หรือ “ลบ" จาก Standard & Poor’s อันดับเครดิตของ ACOM มีผลมาจากฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งจากการเป็น 1 ใน 4 ของผู้ให้บริการสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่ไม่ใช่สถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นโดยวัดจากขนาดของสินทรัพย์และเงินให้สินเชื่อ
บริษัทมีเครือข่ายการดำเนินงานในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภคและมีโครงสร้างเงินทุนที่แข็งแกร่ง ตลอดจนมีผู้บริหารที่มีประสบการณ์ จุดแข็งดังกล่าวของบริษัทถูกจำกัดบางส่วนจากภาวะการแข่งขันในธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและความเสี่ยงด้านกฎระเบียบของทางการซึ่งอาจมีผลกระทบในเชิงลบต่อผลประกอบการของผู้ประกอบการในธุรกิจนี้
อันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทอีซี่ บาย ขึ้นอยู่กับคุณภาพเครดิตของผู้ค้ำประกันซึ่งให้การค้ำประกันแบบไม่มีเงื่อนไขและไม่สามารถเพิกถอนได้ ส่วนอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทนั้นอยู่บนพื้นฐานของระบบบริหารความเสี่ยงและข้อมูลที่เป็นที่ยอมรับ ตลอดจนการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากบริษัทแม่และหุ้นส่วนทางกลยุทธ์ของบริษัท สถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภคที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน และความสามารถของผู้บริหาร
การจัดอันดับเครดิตดังกล่าวยังพิจารณาถึงอัตราการใช้บริการของลูกค้าในธุรกิจด้านนี้ที่ยังอยู่ในระดับต่ำ และระดับอุปสงค์ของตลาดในธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่ยังมีอยู่สูงในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสนับสนุนดังกล่าวถูกจำกัดจากสถานะเงินทุนของบริษัทที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม ตลอดจนระดับการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้น ปัจจัยเอื้ออำนวยทางธุรกิจที่น้อยลง และความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่อาจจำกัดการขยายตัวทางธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคต
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สำหรับหุ้นกู้มีการค้ำประกันของบริษัทอีซี่ บายสะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่า ACOM จะสามารถรักษาฐานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดสินเชื่อเพื่อการบริโภคของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์เอาไว้ได้แม้ว่าธุรกิจสินเชื่อดังกล่าวในประเทศญี่ปุ่นจะอยู่ภายใต้กฎระเบียบที่ไม่เอื้ออำนวยและมีภาวะแวดล้อมในการแข่งขันที่รุนแรงก็ตาม
แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความสามารถของ ACOM ในการปรับปรุงฐานะทางการเงินหลังจากดำเนินการตามรูปแบบใหม่ในการดำเนินธุรกิจซึ่งจะนำมาซึ่งแหล่งรายได้ที่หลากหลายขึ้นและการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อชดเชยกับส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่คาดว่าจะลดลงอันเนื่องมาจากการควบคุมเพดานอัตราดอกเบี้ย
ส่วนแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" ของบริษัทอีซี่ บายสะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงฐานะทางการเงินและรักษาฐานะทางการตลาดในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการบริโภคของผู้ประกอบการที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์เอาไว้ได้จากการมีผลการดำเนินงานที่ดี การมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และการสนับสนุนที่เข้มแข็งจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนี้ ระบบการบริหารความเสี่ยงและระบบการดำเนินงานที่เป็นที่ยอมรับของบริษัทคาดว่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยแวดล้อมทางธุรกิจในอนาคตได้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า ณ เดือนธันวาคม 2549 สินเชื่อรวมของบริษัทอีซี่ บายคิดเป็นสัดส่วน 3.1% ของสินเชื่อรวมของ ACOM โดยเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 0.9% ในปี 2547 (สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2547) หนี้สินของบริษัทที่ได้รับการค้ำประกันจาก ACOM มีจำนวนรวม 48,556 ล้านเยน ณ เดือนธันวาคม 2549 หรือคิดเป็น 7.9% ของส่วนของผู้ถือหุ้นรวมของ ACOM บริษัทอีซี่ บายเป็นบริษัทย่อยแห่งแรกในภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ของ ACOM และมีความสำคัญเชิงกลยุทธ์สำหรับ ACOM ในการเป็นผู้ประกอบการให้สินเชื่อเพื่อการบริโภครายสำคัญในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ACOM ยังมีพันธะสัญญาที่เหนียวแน่นกับบริษัทในการให้การสนับสนุนทั้งทางด้านการเงินและธุรกิจ อันได้แก่ การถ่ายทอดเทคโนโลยี ความรู้ที่ใช้ในธุรกิจ และนวัตกรรมทางการเงินสำหรับตลาดในประเทศไทยอีกด้วย
ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 11 ปีในธุรกิจได้สร้างชื่อเสียงและความยอมรับเป็นอย่างดีให้แก่บริษัทอีซี่ บาย อย่างไรก็ตาม การสนับสนุนทางการเงินและธุรกิจอย่างเต็มที่จาก ACOM เป็นปัจจัยสำคัญต่อฐานะทางการตลาดและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทในอนาคต และแม้ว่าโดยธรรมชาติของธุรกิจจะมีการกระจายความเสี่ยงอยู่แล้วจากการปล่อยสินเชื่อต่อรายในจำนวนไม่มากให้แก่ฐานลูกค้ารายย่อยจำนวนมากก็ตาม บริษัทก็ยังคงมีความเสี่ยงในด้านกฎระเบียบจากภาครัฐ
คุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทนับเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อการพิจารณาประสิทธิภาพของการปล่อยสินเชื่อในขณะที่บริษัทถูกจำกัดด้วยฐานทุนที่ค่อนข้างต่ำและปัจจัยทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง บริษัทได้นำความรู้ในการดำเนินธุรกิจและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงต่างๆ จาก ACOM มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพตลาดของไทย ไม่ว่าจะเป็นแบบจำลองการให้คะแนนความน่าเชื่อถือของลูกค้า (Credit Scoring) ที่ทันสมัย การบริหารร้านค้าเครือข่ายและฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ
รวมถึงมาตรฐานและขั้นตอนการติดตามจัดเก็บหนี้เพื่อใช้ควบคุมคุณภาพของสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายเพื่อการตั้งสำรองหนี้สูญที่สูงในระยะ 2 ปีที่ผ่านมาสำหรับหนี้เสียจากธุรกิจสินเชื่อรถจักรยานยนต์และหนี้เสียในช่วงที่บริษัทเกิดความขัดแย้งกับลูกค้าเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บเกินเพดานอัตราดอกเบี้ยใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้ ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงประสบภาวะขาดทุนจำนวน 113 ล้านบาทในปี 2549 ซึ่งทำให้ฐานทุนของบริษัทลดลง และอัตราส่วนทุนต่อสินทรัพย์รวมลดลงจาก 9.42% ในปี 2548 เป็น 7.16% ในปี 2549 ทริสเรทติ้งกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย อภิญญา วุฒิเมธากุล/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--