"ทริส"คงอันดับเครดิตองค์กร SPI เท่าเดิมที่ “A+/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 10, 2007 07:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “A+" ด้วยแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่" 
โดยอันดับเครดิตสะท้อนการลงทุนของบริษัทในธุรกิจที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยง ตลอดจนฝ่ายบริหารที่มีความสามารถและประสบการณ์ยาวนาน และความเป็นผู้นำในธุรกิจหลักของกลุ่ม อันได้แก่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสื้อผ้าสำเร็จรูป และเครื่องสำอาง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงนโยบายการลงทุนที่ระมัดระวังและสถานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัท อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากสภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงของอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหาร และโครงสร้างการลงทุนที่ซับซ้อนของกลุ่มสหพัฒน์
แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความมั่นคงทางธุรกิจและการเงินของบริษัท โดยที่รายได้ที่ค่อนข้างสม่ำเสมอจากเงินปันผลจากธุรกิจที่หลากหลายในประเภทสินค้าอุปโภคและบริโภคถึงแม้จะผันผวนบ้างในระยะสั้น แต่ยังถือว่าเป็นกระแสเงินสดหลักสำหรับบริษัทในระยะปานกลางถึงระยะยาวต่อไป
ทริสเรทติ้งรายงานว่า บริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้งจัดตั้งในปี 2515 เพื่อเป็นบริษัทโฮลดิ้งของบริษัทต่างๆ ในกลุ่มสหพัฒน์ โดยมีหน้าที่รับผิดชอบการริเริ่มลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ให้การสนับสนุนและค้ำประกันด้านการเงินแก่บริษัทในกลุ่ม ให้บริการสวoอุตสาหกรรมและสาธารณูปโภค ตลอดจนบริการด้านอื่นๆ นอกจากนี้ ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 บริษัทมีการลงทุนในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภทผ่านบริษัทต่างๆ จำนวน 170 แห่ง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงให้แก่บริษัทจากการกระจุกตัวของธุรกิจซึ่งธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งของบริษัทอาจได้รับผลกระทบจากปัญหาวงจรเศรษฐกิจได้ บริษัทมีนโยบายการลงทุนในแต่ละบริษัทในสัดส่วนที่น้อยกว่า 50% โดยมีผู้ถือหุ้นที่เป็นพันธมิตรทางการค้าหรือบริษัทอื่นในเครือสหพัฒน์ถือหุ้นในส่วนที่เหลือ อย่างไรก็ตาม หากรวมการลงทุนของกลุ่มสหพัฒน์ทั้งหมดแล้วยังนับว่ามากพอที่จะทำให้กลุ่มสามารถควบคุมหรือมีส่วนในการควบคุมการบริหารงานในบริษัทที่เข้าไปลงทุนได้
ด้วยประสบการณ์ของฝ่ายบริหารในธุรกิจหลักแต่ละประเภท รวมถึงการวางนโยบายโดยรวมจากฝ่ายบริหารของบริษัทช่วยทำให้บริษัทในกลุ่มมีสถานะเป็นผู้นำตลาดในธุรกิจต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ บริษัทสามารถดำรงความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการมีสินค้าที่มียี่ห้อติดตลาดและการมีความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
นอกจากนี้ จุดแข็งภายในกลุ่มสหพัฒน์อีกประการหนึ่งคือการดำรงความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยการมีสินค้าที่มียี่ห้อติดตลาดในธุรกิจหลักแต่ละประเภท โดยเฉพาะธุรกิจเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยความได้เปรียบทางการแข่งขันของบริษัทมีปัจจัยมาจากการมีตราสินค้าที่เป็นที่นิยมอยู่มาก รวมถึงการมีความรู้ความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นเป็นพิเศษ การดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรตั้งแต่การผลิตวัตถุดิบ ผลิตสินค้า และจัดจำหน่ายสินค้าถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจอีกประการหนึ่ง โดยธุรกิจที่บริษัทมีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะได้แก่ ชุดชั้นในสตรี เครื่องสำอาง และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
อย่างไรก็ตาม ลักษณะของธุรกิจที่มีการแข่งขันที่รุนแรงเป็นสิ่งท้าทายความสามารถของกลุ่มสหพัฒน์ให้สร้างสรรค์นวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรของกลุ่มเอาไว้ให้ได้
ทริสเรทติ้งกล่าวถึงสถานะการเงินของบริษัทว่าปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา โดยอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนซึ่งรวมถึงการค้ำประกันให้แก่บริษัทในกลุ่มลดลงจากระดับ 19.2% ในปี 2547 เป็น 13.2% ในปี 2549 และคงที่อยู่ในระดับต่ำที่ 13.5% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2550 ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นและภาระค้ำประกันในบริษัทที่เกี่ยวข้องที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นโยบายลดการค้ำประกันเงินกู้แก่บริษัทในเครือทำให้ความเสี่ยงของบริษัทลดลงอย่างมาก โดยระดับการค้ำประกันของบริษัทลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 331 ล้านบาทในปี 2547 เป็น 236 ล้านบาทในปี 2548 และ 96 ล้านบาทในปี 2549 และ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2550 ในขณะเดียวกัน ความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทซึ่งขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มเป็นหลักก็ปรับตัวดีขึ้นและเป็นไปในทิศทางเดียวกับความสามารถในการทำกำไร โดยหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจ อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อดอกเบี้ยจ่ายซึ่งเดิมปรับตัวดีขึ้นจาก 5.5 เท่าในปี 2546 เป็น 6.8 เท่าในปี 2547 7.9 เท่าในปี 2548 และ 7.7 เท่าในปี 2549
ทริสเรทติ้งยังกล่าวด้วยว่า โครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทที่ค่อนข้างซับซ้อนอาจเป็นการยากสำหรับนักลงทุนที่จะประเมินภาพโดยรวมของบริษัทสหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการทำธุรกรรมระหว่างกันของบริษัทในกลุ่มสหพัฒน์นั้น บริษัทได้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์มาโดยตลอด

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ